“2013 เป็นปีที่น่าจดจำในอาชีพของผม เป็นครั้งแรกที่ผมได้ เดินพรมแดง งานภาพยนตร์นานาชาติ เมืองคานส์ และที่สำคัญ หนัง LIKE FATHER, LIKE SON ที่ผมนำแสดงก็ไปคว้ารางวัล JURY PRIZE มาได้ ต้องขอบคุณผู้กำกับ โคเรเอดะ ที่ให้โอกาสผม”
A: ฤดูสุดโปรดของคุณคือฤดูกาลไหน ?
MF: ต้องซัมเมอร์อยู่แล้วครับ จริง ๆ แล้วคำถามนี้ คุณต้องจำมาจากหนังเรื่อง LIKE FATHER, LIKE SON แน่ ๆ มันเป็นคำถามในฉากสำคัญของหนังที่ผมใช้ถามลูกชาย ตอนที่เดินเล่นในสวนสาธารณะ ด้วยกัน และกำลังตัดสินใจว่าจะส่งเขากลับไปอยู่กับ พ่อแม่แท้ ๆ ดีไหม
A: ผู้ชมและสื่อส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า LIKE FATHER, LIKE SON คือหนังที่ดูง่ายที่สุดของ โคเรเอดะ และมีความเป็นหนังโรแมนติก มากกว่าความเป็นหนังรางวัลด้วยซ้ำ เพราะแบบนี้หรือเปล่า เขาถึงเลือกคุณมารับบทนำ
MF: เราเคยคุยกันเรื่องนี้เหมือนกัน ใช่ครับ LIKE FATHER, LIKE SON มีความโรแมนติกในเนื้อเรื่องเยอะ เพราะหนังพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร แถมยังเป็นมุมสะเทือนใจอีกต่างหาก เลยทำให้โดนใจคนที่ได้ดูมั้งครับ ส่วนเรื่องการเลือกตัวแสดง ผู้โคเรเอดะ บอกกับผมว่า เขาเลือกผมเพราะว่า ผมดูเป็นคนที่มีความเป็นเด็กในตัวเองสูง เขาเลยคิดว่าผมน่าจะแสดงได้ดีเวลาที่ต้องเข้าฉากกับเด็กๆ (หัวเราะ)
A: ทำงานกับผู้กำกับ โคเรเอดะ สนุกหรือแตกต่างจากการแสดงก่อนหน้านี้ของคุณมากน้อยแค่ไหนลองเล่าให้เราฟังกันหน่อย
MF: โคเรเอดะ เป็นผู้กำกับที่มีลายเซ็นชัดเจน ผมคิดว่าเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จก็เพราะ เขาทำหนังทั้งด้วยความรัก เขารักในสิ่งที่เขาทำ และเชื่อในสิ่งนั้น และมุ่งมั่นที่จะทำมันให้สำเร็จ พลังของเขาทำให้พวกเรารู้สึกสนุกไปด้วยนะครับ เมื่อเรารู้สึกสนุกแล้ว งาน ดี ๆ ก็จะเกิดขึ้น อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ
A: ในหนังคุณร้องเพลงด้วยไหม คำถามนี้แฟน ๆ อาจจะอยากรู้
MF (laughs): ในหนังผมไม่ร้องเพลงครับถึงจะอยากร้องแค่ไหนก็เถอะ แต่ในหนังผมถ่ายภาพเยอะมากจนรู้สึกว่า หลังเสร็จสิ้นการถ่ายทำแล้วอยากจะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นช่างภาพอาชีพเลยทีเดียว
A: ตื่นเต้นมั้ย ตอนที่ขึ้นเวทีไปรับรางวัลร่วมกับทีมงานที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์
MF: ผมว่าเด็ก ๆ คงตื่นเต้นกว่า และแน่นอนว่าผมตื่นเต้นมาก ถือเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ การได้ร่วมงานกับเขาและเดินทางไปในเทศกาลภาพยนตร์ ระดับโลก พูดได้เลยว่า ถ้าไม่ใช่เพราะผู้กำกับ โคเรเอดะ ฮิโรคาสุ เราก็คงไม่ได้รับการยอมรับขนาดนี้
A: เคยคิดไหมว่าถ้าลูกตัวเอง สลับตัวแบบในหนังจริง ๆ คุณจะทำอย่างไร
MF: ผมก็คงทำแบบในหนังแหละจริง ๆ นะ ผมว่าสิ่งที่สำคัญที่ชีว่า โตขึ้นเราจะเป็นคนแบบไหนใช้ชีวิตอยู่อย่างไร การเลี้ยงดูถือเป็นเรื่องสำคัญมาก คนที่เลี้ยงดูเรามาคนที่เราผูกพันในวัยเด็ก มีส่วนสำคัญมากครับ ฉากที่ยากมาที่สุดในหนัง คือฉากที่เราต้องถ่ายรูปรวมกันระหว่าง 2 ครอบครัว และตอนนั้นเอง ลูกชายที่ผมเลี้ยงเขามาถามขึ้นมาว่า “พ่ออีกคนจะรักผมได้มากเท่ากับที่พ่อรักมั้ย” ฉากนั้นแทบจะทำให้ผมร้องไห้กลางกองถ่ายเลยทีเดียว
A: ได้ทั้งรางวัลใหญ่จาก CANNES 2013 และทำรายได้ถล่มทลายในญี่ปุ่น ความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้คุณคิดจะมาเอาดีด้านการเป็นนักแสดง ถาวรเลยหรือไม่ เพราะได้ยินจากผู้กำกับมาว่า คุณติดกับการแสดงภาพยนตร์เข้าให้แล้วถึงกับขอเขาแสดงในหนังเรื่องหน้าด้วย
MF: ใช่ครับผมติดใจการแสดงภาพยนตร์ แต่ก็ยังรักในงานเพลง และ ซีรีส์อยู่ ถ้ามีบทดี ๆ ที่ทำให้ชีวิตมีสีสันก็คิดมันคุ้มค่าที่จะได้ลองแสดงดู การได้ทำงานอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมทำให้ผมรุ้สึกว่าตัวเองกระชุ่มกระชวย เหมือนได้กลับเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง ถ้าได้แสดงภาพยนตร์อย่าง LIKE FATHER, LIKE SON เรื่อย ๆ ก็จะดีครับ
ล่าสุด LIKE FATHER, LIKE SON ของ ผู้กำกับ โคเรเอดะ ฮิโรคาสุ ที่ล่าสุดกวาดรายได้ทะลุหลัก 1,350 ล้านเยน (ประมาณ 350 ล้านบาท ) ด้วยจำนวนคนดูที่มากกว่า 1 ล้านคน จากจำนวนโรงฉายเพียง 309 โรงฉาย หนังครองแชมป์อันดับหนึ่งติดต่อกัน 2 สัปดาห์ซ้อน ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นความสำเร็จแบบต่อเนื่องหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไปคว้ารางวัล จูรี่ไพร์ซ (JURY PRIZE ) จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ปีนี้มาได้
โดย ก่อนหน้านี้ โคริเอดะ เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลใหญ่จากเวทีนี้มาแล้ว 2 ครั้ง (จากภาพยนตร์เรื่อง Distance ดิสแทนซ์ และ Nobody Knows โนบอดี้ โนส์ ภาพยนตร์ที่ทำให้นักแสดงเด็ก ยูยะ ยางิระ โด่งดังจากการคว้ารางวัลนักแสดงนำชายที่อายุน้อยสุดของเทศกาลมาครอง)
ตัวภาพยนตร์เล่าเรื่องที่ท้าทายจิตใจของคนทั่วไปว่า เราจะทำอย่างไรเมื่อได้รู้ว่า ลูกที่เราเลี้ยงเขามาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเราเอง ? หนังเล่าพลอตดังว่าผ่านครอบครัวของ เรียวตะ (ฟุคุยามะ มาซาฮารุ) สถาปนิกหนุ่มที่ดูเพอร์เฟกต์ในทุกเรื่องของชีวิต ไม่เว้นแม้แต่วิธีการเลี้ยงลูกของตัวเอง จนวันหนึ่ง ครอบครัวของเขาก็ต้องพบกับบททดสอบครั้งสำคัญ เมื่อ เรียวตะ และ ภรรยา พบว่าลูกที่เลี้ยงมาจนอายุ 6 ขวบ ไม่ใช่ลูกแท้ๆของตัวเอง แต่ถูกสลับตัวกับเด็กอีกคนตอนแรกเกิดที่โรงพยาบาลกับอีกครอบครัวหนึ่งที่มี ความเป็นอยู่แตกต่างกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง …..ถ้าเป็นคุณ ๆ จะทำอย่างไร…และ คุณจะยังรักลูกที่เลี้ยงดูมาในวันนี้ ได้เท่ากับเมื่อวานที่คุณเคยรักเขามั้ย ?
ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง LIKE FATHER, LIKE SON
ผลงานของ ผู้กำกับ โคเรเอดะ ฮิโรคาสุ
เริ่มเข้าฉายวันที่ 5 ธ.ค. ที่ LIDO สยาม, SFW เซ็นทรัลเวิร์ล
เริ่มเข้าฉายวันที่ 9 ธ.ค. ที่ HOUSE พระรามเก้าอาร์ซีเอ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– รีวิวภาพยนตร์ญี่ปุ่น “โอชิน”
– อุเอโนะ จูริ เล่าถึงมัตสึจุน และหนังรักสุดประทับใจเรื่อง Hidamari no Kanojo
– สงสัยกันมั้ย “ไคจู” คือตัวอะไรในหนังญี่ปุ่น
– รีวิวหนัง SADAKO 3D คำสาปมรณะ หลอนทะลุจอ
– Lost in Translation : ตามรอยหนังฮอลลี่วู้ดในพื้นหลังของญี่ปุ่น
#LIKE FATHER, LIKE SON