วันนี้จะพามาพูดคุยเกี่ยวกับรายการนี้ว่า เพราะอะไร ใครๆ ถึงหลงรัก Terrace House ค่ะ
ถ้าพูดถึงรายการ Reality ญี่ปุ่นที่ฮอตฮิตในช่วงนี้ ก็ต้องพูดถึงรายการ Terrace House ค่ะ
เป็นรายการที่ขอบอกว่า ถ้าคุณได้ดู จะต้องติดงอมแงมยิ่งกว่าดูซีรีส์เลยล่ะค่ะ ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า ทำไมรายการที่ดูคอนเซ็ปต์แสนเรียบง่าย ถึงดูแล้วต้องอยากดูต่อแบบหยุดไม่ได้ขนาดนี้
วันนี้เลยจะพามาพูดคุยเกี่ยวกับรายการนี้ว่า เพราะอะไร ใครๆ ถึงหลงรัก Terrace House ค่ะ
Terrace House คืออะไร
ก่อนที่เราจะไปวิเคราะห์กันว่า ทำไม Terrace House ถึงกลายเป็นรายการยอดนิยมที่มีคนดูทั่วโลก เรามาทำความรู้จักกับรายการนี้กันก่อนสักหน่อยค่ะว่า เป็นรายการเกี่ยวกับอะไร
Terrace House เป็นรายการ Reality จากญี่ปุ่นค่ะ คอนเซ็ปต์ของรายการก็คือ ให้ชายหญิงแปลกหน้า 6 คน มาอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังงาม และมีรถส่วนตัวสุดหรู ไม่มีบทพูดใดๆ สมาชิกทุกคนไม่จำเป็นต้องอยู่ในบ้านตลอด 24 ชั่วโมง สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแค่กลับเข้ามาพักที่บ้านหลังนี้ โดยจะมีพิธีกรของรายการคอยจับตาดูพฤติกรรม และคอยวิเคราะห์ พร้อมแสดงความคิดเห็นถึงการกระทำและตัวตนไปพร้อมๆ กับคนดูค่ะ
นอกจากนี้สมาชิกแต่ละคนอยากจะออกจากบ้านเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อมีคนออก ก็จะมีสมาชิกใหม่เข้ามาแทนที่ค่ะ ที่สำคัญไม่มีภารกิจอะไรที่ต้องมาเอาชนะหรือแข่งขันกัน แต่มันเป็นการเข้ามาอาศัยอยู่ด้วยกัน เพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และหาคู่ชีวิตที่น่าจะเดินไปกับเราได้ ซึ่งปัจจุบันนี้มีทั้งหมด 5 ซีซั่นด้วยกัน
อ่านดูแล้วเหมือนจะไม่เห็นมีอะไรหวือหวาใช่ไหมคะ เราเองก็รู้สึกอย่างนี้ในตอนแรกค่ะ แต่เห็นคนรอบข้างดูกันหมด เลยค้างคาใจมากว่า ทำไมใครๆ ก็พูดถึงรายการนี้กันนะ เลยตัดสินใจดูในภาคล่าสุดค่ะ นั่นก็คือ Terrace House: Tokyo 2019–2020 แค่ดูภาคเดียวก็สัมผัสถึงความสนุกแล้ว งั้น…เราลองมาดูกันค่ะว่า เพราะอะไรใครๆ ก็หลงรัก Terrace House
ป.ล. ในบทความนี้จะใช้เพียง Terrace House: Tokyo 2019–2020 เล่าประกอบการการยกตัวอย่างนะคะ
ทำไมใครๆ ก็หลงรัก Terrace House
1. ไม่มีบทพูดใดๆ เดาพล็อตไม่ได้เลย
แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมาบ้างว่า เป็นไปไม่ได้หรอกที่รายการนี้จะไม่มีสคริปต์เลย เพราะในรายการเราจะเห็นว่า มีการถ่ายมุมที่สวยมาก เหมือนตั้งใจถ่ายเลย แต่คนทั่วไปก็ยังให้ความเชื่อมั่นว่า รายการนี้ก็ดำเนินไปโดยไม่มีบทพูดใดๆ ค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่า บทพูดที่ดูเป็นธรรมชาติ ดูเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจ รวมถึงสมาชิกในบ้านก็ดูเป็นตัวของตัวเองแบบสุดๆ และนี่แหละค่ะ
พอไม่มีบทพูด ก็เลยทำให้สมาชิกแต่ละคนดูมีเสน่ห์มาก และมันทำให้เราคาดเดาไม่ได้ว่า เรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร มันขึ้นอยู่กับการกระทำ การตัดสินใจของสมาชิกในบ้านเลย
2. เป็นมากกว่ารายการหาคู่
รายการนี้สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร? ถ้าให้พูดกันตรงๆ เลยก็คือ แต่ละคนก็เพื่อมาหาคู่แหละค่ะ แต่รายการไม่ได้ทำออกมาหวือหวา ส่วนสมาชิกในบ้านเองก็ไม่ได้แสดงออกว่าฉันจะต้อง “ตก” ให้ได้นะ แต่ทุกคนเลือกที่จะเรียนรู้เพื่อนสมาชิกในบ้านก่อน แล้วค่อยถามใจตัวเองว่า จริงๆ แล้วเราชอบใคร ซึ่งก็อาจจะเจอคนที่ชอบ ในทางกลับกันก็อาจไม่ชอบใครเลยก็เป็นไปได้
นอกจากนี้รายการนี้ก็ไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องรักๆ อย่างเดียว แต่จะมีการสนทนากันในเรื่องความฝัน จุดมุ่งหมายในชีวิต อย่างในภาค Tokyo 2019–2020 ก็จะมีการถกเถียงหนึ่งที่เป็นประเด็นมากคือ ระหว่างการทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งไปเลย กับทำอะไรหลายอย่างได้เหมือนเป็ด อะไรดีกว่ากันนะ (ซึ่งประเด็นนี้ก็ทำให้ฮารุกะกับโชเฮย์มีปัญหากันนิดหน่อย แต่ทั้งคู่ก็เลือกที่จะหาทางที่จะปรับความเข้าใจกัน)
หรือจะเป็นหลักการทำงานของสาว “คาโอริ” อดีตพนักงานบริษัทไอทีชื่อดังของญี่ปุ่น ทำงานมา 3 ปี แต่ตัดสินใจลาออกมาเป็นนักวาดภาพตามสิ่งที่ตัวเองชอบและฝัน ดูแล้วก็เหมือนได้แรงบันดาลใจ ข้อคิดในการใช้ชีวิตไปด้วยค่ะ
“ถ้าฉันเอาเวลาสามปีนั้นมาวาดภาพ ฉันคงไปได้ไกลกว่านี้”
3. ได้สัมผัสถึงความเป็นญี่ปุ่นในรายการนี้
ถือว่าเป็นรายการที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ดีมากๆ เลยค่ะ ใครที่ชอบหรืออยากเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นก็สามารถดูได้จากรายการนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมต่างๆ ของคนญี่ปุ่น เวลาจะจีบกันคนญี่ปุ่นทำอย่างไร รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว อาหารญี่ปุ่นก็ถูกถ่ายทอดในรายการ ระหว่างที่สมาชิกชายหญิงไปออกเดตกันค่ะ (ฉากกินข้าวหน้าไข่ดิบ เป็นอะไรที่น่าอร่อยมากค่ะ เมนูธรรมดา แต่ถ่ายออกมาให้ดิฉันอยากจะเข้าครัวเดินไปหยิบไข่ดิบมาตอกกินกับข้าวเสียจริง)
นอกจากนี้ ทั้งฉาก แสง สี เสียงของรายการ เขาพิถีพิถันมากๆ เลยนะคะ เริ่มจากบ้านที่สมาชิกทุกคนต้องอยู่ ก็สร้างออกมาได้อย่างสวยงาม ใหญ่โตอลังการ ราวกับอยู่ในคฤหาสน์เลยทีเดียว แถมบรรยากาศในบ้านมันดูละมุนสมกับเป็นรายการญี่ปุ่น พร้อมกับมีเพลงเพราะๆ เปิดคลอไปตามโม้เม้นท์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรายการ เป็นอะไรที่ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นมากๆ ค่ะ
4. ความแตกต่างของสมาชิกในบ้านที่ลงตัว
สำหรับรายการนี้จะแบ่งสมาชิกชาย-หญิงให้มีจำนวนเท่ากันค่ะ คือ ชาย 3 คน หญิง 3 คน นอกจากแต่ละคนจะมีหน้าตาดี มีเสน่ห์ เป็นเอกลักษณ์แล้วนั้น ลักษณะนิสัย หรือบุคลิกก็มีความแตกต่างกันมากๆ รวมถึงพื้นเพชีวิตที่ต่างกัน เช่น แต่ละคนก็อาจมาจากสายอาชีพที่ต่างกัน อาจจะมีอาชีพเหมือนกันบ้าง แต่ก็จะมีความต่างในเรื่องดีเทลของงานค่ะ รวมถึงทัศนคติ นิสัยที่แตกต่างกัน ทำให้เราได้เรียนรู้ชีวิตของคนในแบบต่างๆ (และเชื่อว่าสมาชิกในบ้านก็คงได้เรียนรู้ชีวิตที่แตกต่างกันไปด้วย)
แต่จะมีความต่าง (จนถึงขั้นมีปากมีเสียงในบางที) แต่ก็เป็นสมาชิกที่ลงตัว เพราะมีคนแบบนี้เลยทำให้ในบ้านมีสีสันมากขึ้น รวมถึงเป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกัน เป็นที่ปรึกษาให้แก่กันได้
5. พิธีกรที่วิเคราะห์ได้อย่างถึงพริกถึงขิงและลุ่มลึก
สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “พิธีกร” ในรายการนี้ค่ะ ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่า ทำไมต้องมีพิธีการมาวิพากษ์วิจารณ์นะ แต่พอได้ดูไปเรื่อยๆ เลยเห็นว่า นี่คือสิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆ และทุกครั้งที่วิเคราะห์พฤติกรรมสมาชิกในบ้านก็ไม่ได้พูดแบบไก่กา หรือเอาฮาอย่างเดียวนะคะ มีการให้เหตุผลสนับสนุน บางคนก็ดูผ่านประสบการณ์ชีวิตมาเยอะ จนเรารู้สึกว่า เออ…ก็จริงแฮะ
ส่วนตัวเรารู้สึกว่า รายการนี้มันก็แอบมีความจิตวิทยาหน่อยๆ ที่เราดูแล้วต้องคิดไปด้วยว่า การที่เขาทำแบบนี้ พูดแบบนี้ เขาต้องการอะไรกันแน่ ทำแบบนี้จะดีจริงๆ เหรอ และพอตัดภาพมาที่พิธีกร เขาก็จะมาช่วยคลายความสงสัยเหล่านี้ได้เลยค่ะ เหมือนเป็นเพื่อนคู่คิดที่มาดูรายการไปกับเรา
สำหรับ Terrace House: Tokyo 2019–2020 จะมีพิธีกรประมาณ 6 คนค่ะ “โทริ” สาวสุดสวยของเรา สาวน้อยที่ดูเหมือนประสบการณ์ชีวิตไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็แสดงความคิดเห็นออกมาได้ดีค่ะ ส่วน “คุณโยชิมิ” ก็สร้างเสียงหัวเราะให้กับรายการ แต่ก็ให้ข้อคิดต่างๆ ได้ดีมากๆ เลยทีเดียว จุดเด่นคือ พี่แกจะชอบมโน เล่าเรื่องราวเป็นตุเป็นตะเลยค่ะ ว่าทำไมสมาชิกคนนี้ถึงทำแบบนี้ เขากำลังคิดอะไร แต่สรุปแล้วสิ่งที่พี่แกพูดมาก็มีเหตุผลอยู่นะ
ส่วนพิธีกรที่เราเองชอบที่สุดก็คือคนนี้ค่ะ เรียวตะ ยามาซาโตะ หรือนักแสดงตลกที่เป็นสามีของ “ยู ยาโออิ” นักแสดงสาวสุดสวยในวงการบันเทิงญี่ปุ่นนั่นเอง คุณเรียวตะก็สร้างสีสัน เสียงหัวเราะได้สมกับเป็นนักแสดงตลก บางครั้งแสดงความคิดเห็นไปก็จะโดนรุม แต่ในอีกมุมหนึ่งเขาเป็นคนหนึ่งที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับชีวิตได้ลุ่มลึกทีเดียวค่ะ
ที่สำคัญในระหว่างที่ออกอากาศ Terrace House ภาคล่าสุดนี้ เขาก็ได้ประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบกับยู ยาโออิพอดี ซึ่งคุณเรียวตะเองก็ได้ออกมาพูดคุยถึงประเด็นนี้กลางรายการเช่นกัน พอฟังแล้วก็ทำให้เข้าใจเลยว่า ทำไมสาวสวยอย่างยู ยาโออิ ถึงเลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต
นี่ก็คือเหตุผลที่ว่า ทำไมรายการ Terrace House ถึงเข้าไปอยู่ในใจของใครหลายคน ถือว่าเป็นรายการ Reality ที่มีความแปลกใหม่ เป็นได้มากกว่ารายการหาคู่ทั่วไป ทำให้เข้าใจชีวิตของมนุษย์มากยิ่งขึ้น ดูไปดูมาก็รู้สึกผูกพันไปกับสมาชิกในบ้านแบบไม่รู้ตัว
หากเพื่อนๆ อยากสัมผัสกับชีวิตของผู้คนที่หลากหลาย และบรรยากาศของความสัมพันธ์ที่แสนอบอุ่น สามารถเปิดเข้าไปส่องดูในบ้าน Terrace House ได้ทาง Netflix เลยค่ะ
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่นที่กำลังฮอตฮิตในช่วงซัมเมอร์นี้
– 5 ฉากสะใจสไตล์ละครญี่ปุ่น
– ละครญี่ปุ่น 3 Nen A gumi: Cyberbully การกลั่นแกล้ง ที่พรากอนาคต
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่น ที่ปลุกไฟในตัวคุณ ให้อยากลุกขึ้นมาทำงานทุกวัน
– เรื่องรักลึกลับของดาราญี่ปุ่นที่ขุดไม่ได้ง่ายๆ
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
– รายการ Terrace House
– www.staradvertiser.com
– waa.atozviews.com
– utako-blog.com
– テラスハウス東京.com
– テラスハウス東京.com
– www.oricon.co.jp
#Terrace House