ใจบันดาลแรง … ผมได้เจอกับมังงะเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มกลับมาสนใจ สิ่งที่ผมเองเคยเกลียด นั่นคือ “ดนตรี” ตอนเด็กๆ ผมว่าใครหลายๆ คน น่าจะเคยโดนบังคับให้ไปเรียนดนตรี อะไรสักชิ้นนึง ไม่เปียโน ก็กีตาร์ ไม่งั้นก็อิเลคโทน แต่ผมโดนบังคับให้เรียนหมดนั้นเลย แน่นอนครับ ว่าผมไม่เคยชอบมัน
ผมตั้งใจเล่นบาสมาตลอดช่วง ม.ต้น และในช่วง ม.ปลาย เพื่อนๆ ของผมตัวสูงขึ้นกันหมด ผมจากที่เคยอยู่กลางๆ แถว ค่อนไปทางปลายใน ม.ต้น พอเปิดเทอม ม.ปลาย ผมก็เริ่มมาอยู่ช่วงหัวแถวตามลำดับความสูง ผมก็คิดว่า เฮ้ย! เดี๋ยว ม.5 ก็คงสูงขึ้นเอง แต่จนเรียนจบผมก็มาอยู่เกือบหน้าสุดมาตลอด…ไม่ยักกะสูงขึ้นเลยแฮะ… ซึ่งแน่นอนในกีฬาบาสเก็ตบอล ความสูงเป็นสิ่งที่ถือว่าจำเป็นมากๆ ซึ่งมันทำให้ผมไม่เคยติดนักกีฬาโรงเรียนเลย ผมแอบรู้สึกเสียใจ ที่ผมไม่อาจทำความฝันให้เป็นจริง
แต่ผมก็ได้มาเจอกับ มังงะ อีกเรื่องที่ทำให้ผมเริ่มกลับมาสนใจ สิ่งที่ผมเองเคยเกลียด นั่นคือ “ดนตรี” ครับ ตอนเด็กๆ ผมว่าใครหลายๆ คน น่าจะเคยโดนบังคับให้ไปเรียนดนตรี อะไรสักชิ้นนึง ไม่เปียโน ก็กีตาร์ ไม่งั้นก็อิเลคโทน แต่ผมโดนบังคับให้เรียนหมดนั้นเลย แน่นอนครับ ว่าผมไม่เคยชอบมัน ภาพจำของผมคือ คุณพ่อ ต้องมาคอยนั่งเฝ้าเวลาซ้อมดนตรี ซ้อมอีเลคโทน เสร็จก็ซ้อมกีตาร์ต่อ มันเป็นอะไรที่เพลียจิตมากในตอนนั้น
และผมก็เริ่มห่างๆ มันมาในช่วงที่ผมบ้าเล่นบาสเก็ตบอล จนขึ้น ม.ปลาย ผมได้รู้จักกับ มังงะอีกเรื่องนึง ซึ่งมีส่วนที่ปลี่ยนแปลงชีวิตของผมในตอนนั้นจนถึงตอนนี้
นั่นก็คือเรื่อง BECK หรือชื่อไทยว่า ปุปะจังหวะฮา เป็นมังงะเกี่ยวกับดนตรีเรื่องแรกในชีวิตที่ผมได้อ่าน เป็นผลงานของ อ.ฮาโรลด์ ซากุอิชิ อาจารย์คนนี้น่าสนใจมากๆ ครับ ท่านเป็นคนที่มีความชอบเยอะ แล้วก็หยิบเอาความชอบของตัวเองมาเขียนเป็นมังงะได้อย่างน่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือเรื่องนี้ครับ…
ครั้งแรกที่ได้อ่าน ผมบอกกับตัวเองว่า มันต้องไม่เวิรค์แน่ๆ เพราะการที่พูดถึงดนตรีด้วยภาพ แล้วมันจะไปสนุกได้ยังไงฟระ ดนตรีมันต้องได้ยินเสียงดิ แต่เรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้ดีจนน่าตกใจครับ ผมรู้สึกว่าแม้ไม่ได้ยินเสียงแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าการเล่นดนตรีมันอยู่ตรงนั้นจริงๆ จากการอ่านเรื่องนี้ และยิ่งอ่านผมยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ทำให้ดนตรี มันดูเท่มากๆ ผมเริ่มรู้สึกชอบเรื่องนี้ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งบวกกับความเฟลจากเรื่องการเป็นนักบาสโรงเรียน รู้สึกตัวอีกทีผมก็เริ่มกลับมาจับสิ่งๆ ที่ผมเคยทิ้งมันมานาน
ส่วนนึงคงเป็นเพราะได้เห็น “โคยูกิ” ตัวเอกของเรื่องนี้ จากเป็นคนที่ไม่เคยเล่นดนตรีเลย แต่แค่ได้ฟังเพลงของวง The Dying Breed ก็ทำให้เขารู้สึกหลงใหลในดนตรี จนอยากจะเริ่มหัดเล่นกีตาร์ ผมเองจึงอยากลองกลับไปทำสิ่งที่ผมพอจะทำได้ และคราวนี้ผมเริ่มสนุกกับมันอย่างไม่น่าเชื่อ จากที่เคยโดนบังคับให้ซ้อม ตอนนี้ผมแทบไม่ลุกจากคีย์บอร์ดของผม
ผมเริ่มแกะเพลงต่างๆ เล่นด้วยตัวเอง และจากที่เคยซ้อมอยู่คนเดียว ผมก็เริ่มคิดที่จะอยากมีวงดนตรีเหมือนกับ Mongolian Chop Squad จากวันนั้นจนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังคงเล่นดนตรีอยู่… นั่นแหละครับนี่เป็นอีกครั้งที่มังงะนั้นเข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตของผม
นอกจากนั้นในเรื่องนี้มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากพูดถึง เป็นวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่น่าสนใจมากๆ นั่นก็คือ “Live House” ครับมันเป็นสถานที่เล็กๆ มีเวที มีเครื่องเสียงที่ดี จุคนได้ประมาณสัก 500 คน อารมณ์คล้ายๆ ผับ แต่ไม่ได้มีเอาไว้เพื่อให้คนมาเมากัน แต่เป็นสถานที่ ที่เอาไว้เพื่อให้วงอินดี้หน้าใหม่ ที่อาจจะเพิ่ง “เดบิว” หรือโปรโมทได้เช่า เพื่อเล่น Live หรือคอนเสิร์ตของเขาเอง แล้วก็ขายบัตรไม่แพงมากหน้างาน
ในนั้นนอกจากจะมีแฟนเพลงของแต่ละวง ก็ยังมีคนที่ชอบฟังเพลงรวมไปถึงแมวมองต่างๆ จากค่ายเพลง ที่จะมาคอยดูวงที่มาเล่น วงไหนเข้าตาก็อาจจะทาบทามไปเป็นศิลปินในสังกัด ผมว่ามันเป็นโมเดลที่เท่ และดีมากๆ และอยากบอกว่าจริงๆ บ้านเราก็เคยมีนะครับไอ้ Live House เนี่ย พี่ต้า พาราดอกซ์ เคยทำอยู่เหมือนกัน เป็น Live House แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย แต่ตอนนี้ก็ปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วอย่างน่าเสียดาย…
ที่บ้านเรานั้นวัฒนธรรมการเสพเพลง นั้นไม่เหมือนกัน เพราะคงไม่มีใครยอมจ่ายเงิน ไปดูวงที่ยังไม่ดังมาก แต่ที่ญี่ปุ่นนั้น คนที่ยอมจ่ายเงินเพื่อเข้าไปดูและวงเหล่านั้นมีเยอะ และ Live House ที่นั่นก็มีเยอะประหนึ่งผับบ้านเราเลยทีเดียว
มีตัวละครนึงในเรื่องนี้ที่ผมอยากจะพูดถึงเป็นตัวที่ถือว่าเป็นตัวประกอบก็ว่าได้ แต่ผมชอบเขามาก นั้นคือ อ.ไซโต้ อาจารย์เพี้ยนๆ คนนึงที่เป็นนักว่ายน้ำ และมีความฝันที่จะเป็นทีมชาติ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นเพราะบาดเจ็บ เขาเสียใจมาก แต่เขาเลือกที่จะระบายความเสียใจนั้นด้วยการมาทุ่มเทให้กับกีตาร์ ผมว่ามันเป็นอะไรที่ Positive thinking มากๆ
อีกมุมมองหนึ่งที่ผมชอบจากเรื่องนี้คือ กว่าแต่ละวงจะสร้างชื่อเสียง สร้างผลงานออกมาได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย แต่คนฟังอาจจะไม่เคยได้รู้ถึงมุมนี้ ว่ากว่าวงๆ นึงจะทำเพลงสักเพลงออกมาได้นั้น มันต้องใช้เงิน และความพยายามมากๆ ซึ่งมังงะเรื่องนี้ก็พูดออกมาได้อย่างเข้าใจ โคยูกิ และคนในวงทุกคนหลังจากเรียนเสร็จในแต่ละวัน ก็ต้องทำงานพิเศษหามรุ่งหามค่ำ เพื่อมาเป็นค่าอัดเสียง ค่ารถตู้ ค่าสถานที่ในการเล่น Live รวมไปถึงธุรกิจเกี่ยวกับดนตรีเอง ซึ่งก็ไม่ต่างจากทุกๆ ด้าน เมื่อมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง หลายๆ ครั้งก็ต้องยอมเสียเปรียบมากมาย เพื่อให้ได้ทำตามความฝัน ทุกอย่างมันจริงมากๆ ครับ ยิ่งถ้าใครเป็นนักดนตรี อ่านเรื่องนี้คงจะอินมากๆ
ผมดีใจ ที่ Beck ได้มีอนิเมะ ออกมาแล้วด้วย ผมเองก็เพิ่งดูจบไปไม่นาน Moon On The Water ถือเป็นอีกเพลงที่สร้างความผูกพันให้กับตัวละครในเรื่อง และสร้างความผูกพันให้กับคนที่ติดตามมาจนจบได้เป็นอย่างดี ดูเรื่องนี้ไปแล้วพอได้ฟังเพลงนี้ และเพลงอื่นๆ ของ Beck ผมรู้สึกอยากเล่นดนตรีขึ้นมาทันที ไม่แปลกใจเลย ที่จะมีอีกหลายๆ คนที่คิดแบบผม จากที่ได้อ่านคอมเมนต์ใน Youtube หลายๆ คนบอกว่าเรื่องนี้ทำให้เขา ที่ไม่ได้เป็นนักดนตรีอาจจะอยากลุกขึ้นมาจับเครื่องดนตรีสักชิ้น หรือเริ่มที่จะร้องเพลง หรืออยากทำวงดนตรี ซึ่งผมว่านั่นแปลว่า อนิเมชั่นเรื่องนี้มันทำหน้าที่ของมันได้ทรงพลังมากๆ ครับ
สุดท้ายแล้วบางคนอาจจะงง ว่าทำไมมันมีผลขนาดนั้นเลยเหรอ ผมก็ตอบไม่ได้ แต่ถ้ามองอีกมุม คุณเองก็คงจะมี idol หรือใครสักคนที่เป็นแบบอย่าง มันก็คงคล้ายๆ กัน เพียงแต่แค่ idol ของผมนั้น อาจจะไม่ใช่คนจริงๆ แต่ก็สำหรับผมเขามีตัวตนจริงๆ ในชีวิตผม และให้พลังในการเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตผมที่ดีเสมอมา มันคือสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ…:)
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– 10 อันดับการ์ตูนขายดีที่ญี่ปุ่นในรอบครึ่งปี 2013
– แรงบันดาลใจ
– การ์ตูนเป็นเรื่องของเด็กๆ
– BECK ปุปะจังหวะฮา การ์ตูนดนตรีสร้างแรงบันดาลใจ
– Yami shibai อนิเมะผีญี่ปุ่นสุดสยอง !!
ขอบคุณรูปภาพ :
http://japandailypress.com
http://www.wallsave.com
http://animediet.net
#ใจบันดาลแรง