BG: Personal Bodyguard ภาค 2 แม้ว่าจะต้องรีบปิดจบแค่เพียง 7 ตอน แต่ขอบอกว่าความเข้มข้นไม่ได้น้อยลงตามจำนวนตอนเลย วันนี้เลยขอมาเล่าสู่กันฟัง เกี่ยวกับเรื่อง BG ในภาคนี้กันค่ะว่า จะสนุกและมันส์ขนาดไหนบ้าง
ในช่วง COVID-19 ในญี่ปุ่น แม้จะมีสถานการณ์ที่หนักหน่วง แต่วงการทีวีโทรทัศน์ก็ขอเดินหน้าต่อ และหนึ่งในละครที่ได้รับความนิยมจากภาคแรกก็กลับมาถ่ายทำแบบลุยๆ ในช่วง COVID-19 นี้เช่นกัน นั่นก็คือเรื่อง BG: Personal Bodyguard ภาคที่ 2 นั่นเองค่ะ แม้ว่าจะต้องรีบปิดจบแค่เพียง 7 ตอน แต่ขอบอกว่าความเข้มข้นไม่ได้น้อยลงตามจำนวนตอนเลย วันนี้เลยขอมาเล่าสู่กันฟัง เกี่ยวกับเรื่อง BG ในภาคนี้กันค่ะว่า จะสนุก และมันส์ขนาดไหนบ้าง
BG: Personal Bodyguard Season 2 เรื่องราวชีวิตบอร์ดี้การ์ดที่พร้อมปกป้องทุกคน
หลังจากการสูญเสียครั้งสำคัญ ทำให้บริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนแห่งนั้นต้องปิดตัวลง แต่ชีวิตของบอร์ดีการ์ดทั้ง 4 คน “อากิระ ชิมาซากิ” (รับบทโดย ทาคุยะ คิมูระ) “มาซายะ ทาคานาชิ” (รับบทโดย ทาคุมิ ไซโต้) “มายุ ซุกานุมะ” (นานาโอะ) “ไซทาโร่ ซาวากุจิ” (รับบทโดย โชทาโร่ มามิยะ) ยังคงดำเนินต่อไป โดยก้าวเข้าไปเป็นบอร์ดี้การ์ดในบริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง โดยมี “ริว โคเมย์” (รับบทโดย โทรุ นากามูระ) เป็นประธานบริษัท เหมือนชีวิตของบอร์ดี้การ์ดทั้งสี่คนจะเป็นไปได้ด้วยดี
แต่แล้ววันหนึ่งอากิระ ได้ค้นพบความจริงบางอย่าง จนทำให้ไม่กินเส้นกับท่านประธานริว และค้นพบว่าที่บริษัทแห่งนี้มีอุดมการณ์เรื่องอาชีพบอร์ดี้การ์ดที่ต่างจากตนเอง และเขาไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่เป็นธรรมในบริษัทแห่งนี้ได้อีกต่อไป เขาเลยตัดสินใจลาออก โดยที่ไม่รู้เลยว่าจะไปสมัครงานที่ไหนต่อในวัยนี้
แต่อากิระก็คงไปทำอย่างอื่นไม่ได้อีกแล้ว เขาเลยผันตัวมาเป็นบอร์ดี้การ์ดอิสระ รับงานด้วยตัวเอง และเขาเพียงคนเดียวนี่แหละจะคุ้มกันลูกค้าของเขาให้ปลอดภัย เขานึกว่าจะต้องต่อสู้แบบหัวเดียวกระเทียมลีบซะแล้ว จู่ๆ ก็เกิดความน่าประหลาดใจขึ้น เมื่อทาคานาชิ คู่หูของเขาที่เหมือนไม่ค่อยจะลงรอยกัน แต่ก็ทำงานด้วยกันได้อย่างเพอร์เฟ็ค ก็ขอมาสมัครเป็นบอร์ดี้การ์ด รับงานคู่กับอากิระอีกครั้ง เพราะเขาเองก็ไปลาออกจากที่นั่นแล้วเช่นกัน…
และแล้วเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างบอร์ดี้การ์ดอิสระกับบอร์ดี้การ์ดยักษ์ใหญ่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจของ BG: Personal Bodyguard Season 2
ใครที่เคยดูภาคแรกกันมาแล้ว คงสัมผัสได้ถึงความสนุก และความมันส์ของซีรีส์เรื่องนี้ ที่ผสมผสานระหว่างบู๊แอคชั่น สืบสวนนิด (ท้ายที่สุดเหล่าบอร์ดี้การ์ดต้องสืบให้เจอว่าลูกค้าได้ปิดบังอะไรไว้อยู่ เพื่อจะได้ช่วยเหลือได้ถูกทาง) และความดราม่าเรื่องชีวิตหน่อยๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ของทาคุยะ คิมูระ ที่มีความสนุกจนขอยกขึ้นหิ้ง แล้วในภาค 2 นี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ลองมาดูกันเลยค่ะ
1. เรื่องเก่าเล่าใหม่ ที่เดาตอนจบไม่ออก
สิ่งที่เป็นคำถามสำหรับซีรีส์ภาคต่อคือ จะมีอะไรที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น ก็น่าจะเป็นพล็อตเดิมๆ แค่เล่าเรื่องราวของตัวละครต่อไป แต่สำหรับ BG แล้ว เนื้อเรื่องค่อนข้างต่างไปจากภาคแรกค่ะ แน่นอนค่ะว่าจะมีส่วนที่เหมือนๆ เดิมอยู่บ้างก็คือ การฉายชีวิตของบอร์ดี้การ์ดที่ต้องปกป้องชีวิตลูกค้า แต่เคสที่เข้าไปพัวพัวก็จะมีความแตกต่างกันไปตามชีวิตของลูกค้า
แถมยังมีเรื่องราวของบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งใหม่ที่เหล่าบอร์ดี้การ์ดของเราเข้าไปทำงาน แต่ก็พบว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่ากลัวซ่อนไว้อยู่ และต่อมาอากิระตัวละครเอกของเราก็ต้องลาออก ลาจากเพื่อนๆ ที่รวมงานกันมาตั้งแต่บริษัทเก่า ที่ต้องทำเช่นนั้น เพราะเขาไม่อยากขายจิตวิญญาณให้ใคร เลยหันมาทำอาชีพอิสระแทน และเหมือนโชคก็พอเข้าข้างบ้าง ที่ได้ทาคานาชิมาช่วยคุ้มกันลูกค้าไปด้วยกัน
แต่ก็ดูเหมือนว่างานนี้ไม่ง่าย จากเรื่องที่เกิดขึ้น อากิระถูกชายหนุ่มปริศนาสะกดรอยตามตลอด ชีวิตที่เสี่ยงอยู่แล้วก็เสี่ยงมากขึ้น เขาเองก็ต้องตามจับให้ได้ว่า ชายคนนั้นคือใคร และต้องการอะไรกับเขากันแน่
อุปสรรคก็ยังหนักเข้าไปอีกค่ะ เวลาจะทำอะไรก็ติดๆ ขัดๆ ดูเหมือนจะโดนบริษัทของท่านประธานริวคอยขัดขาอยู่ตลอด อยากจะตีกลับก็ทำอะไรมากไม่ได้ แต่เรื่องก็ดันพลิกไปอีกค่ะว่า แท้จริงแล้วท่านประธานริว อาจไม่ใช่ตัวตั้งตัวตีของเรื่องราวน่ากลัวบางอย่างที่อากิระไปล่วงรู้มาก็ได้ ถ้าอย่างนั้น… หากไม่ใช่เขา แล้วจะเป็นใคร ต้องติดตามในเรื่องนี้เท่านั้นค่ะ
2. อุปสรรคที่หนักหน่วงกว่าภาคแรก
ความสนุกของภาคนี้น่าจะอยู่ตรงที่อุปสรรคของละครด้วยค่ะ ที่ภาคนี้บีบอากิระมากๆ เลย อย่างภาคแรก ไม่ว่าจะเจออะไรมา ก็ยังมีเพื่อนในทีมคอยช่วยเหลือกัน เป็นทีม 4 คนที่พร้อมซัพพอร์ตเสมอ แต่ในภาคนี้ อากิระเจอเหตุจำเป็นที่ต้องแยกตัวออกมา รับหน้าที่บอร์ดีการ์ดอิสระตัวคนเดียว มิหน้ำซ้ำ ยังต้องคอยแข่งกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของท่านประธานริว แค่ที่ขยับนิดเดียว ก็สำเร็จได้ กำลังคนมากกว่าเป็น 10 เท่า
แต่ต่อมาโชคดีขึ้นมาหน่อยที่ “ทาคานาชิ” บอร์ดี้การ์ดคู่หูของเขาขออาสามาช่วยเขาด้วย แต่กำลังคนก็ยังน้อยเกินไปอยู่ดี หากดูผิวเผินก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่บอร์ดี้การ์ดสองคนจะคุ้มกันลูกค้าได้อย่างไร้ที่ติ แต่ละครเรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นถึงพลังของความพยายามและความมุ่งมั่นในหน้านี้ เล่นเอาคนดูอย่างเราคอยลุ้นเอาใจช่วยให้ทั้งคู่ทำภารกิจให้สำเร็จ!
3. ความหมายของชีวิตบอร์ดี้การ์ดที่ลึกซึ้งขึ้น
เสน่ห์ของภาคนี้คือ ละครพยายามจะถ่ายทอดถึงความหมายและความภาคภูมิใจของชีวิตบอร์ดี้การ์ด นี่คงเป็นอาชีพที่ใครไม่ค่อยอยากจะเป็นกันสักเท่าไหร่ เพราะต้องเอาชีวิตไปอยู่ในความเสี่ยง ที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาพูดคุยกับคนรอบตัวได้อีกหรือเปล่า บางทีคนก็ดูถูกว่าเป็นแค่อาชีพที่คุ้มกันคน แต่จะทำอะไรได้มากกว่านั้น เพราะอาวุธอะไรก็ใช้ไม่ได้ มือเพียงแค่มือเปล่าเท่านั้น
แต่ละครก็ได้ถ่ายทอดออกมาว่า บอร์ดี้การ์ดไม่ใช่แค่คนคุ้มคน แต่เขาคือคนที่ปกป้องสิ่งต่างๆ ในชีวิตของลูกค้าด้วย เพราะยังมีชีวิตอยู่ เลยทำให้เขาได้ปกป้องความความทรงจำ ปกป้องความฝัน ปกป้องความทะเยอทะยาน แม้แต่ปกป้องความมุ่งมั่นในเส้นทางชีวิตของใครสักคน
หากอยากสัมผัสกับชีวิตของบอร์ดี้การ์ด และเรียนรู้ไปกับเรื่องราวชีวิตของผู้คนมากหน้าหลายตา ที่ล้วนแต่มีหลายสิ่งในชีวิตที่อยากจะปกป้องเอาไว้ ติดตามได้ที่ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง BG: Personal Bodyguard ได้ทาง Netflix เลยค่ะ ซึ่งตอนนี้มีครบทั้งภาค 1 และ ภาค 2 แล้ว นอนดูยาวๆ ได้เลยค่า
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– รีวิว Zekkyou เสียงหวีดร้องที่ไม่มีเสียงของหญิงสาวผู้โดดเดี่ยว
– Remote de Korosareru ฆาตกรรมต่อเนื่องผ่านวิดีโอคอล
– Watashi, Teiji de Kaerimasu แหวกขนบทำงานดึกด้วยการเลิกงานตรงเวลา
– Hanzawa Naoki ภาค 2 มันส์ขึ้น 2 เท่า
– 5 อันดับซีรีส์ญี่ปุ่นเรตติ้งสูงสุดในช่วง COVID-19
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
– https://asianwiki.com
– https://post.tv-asahi.co.jp
– http://www.imfdb.org
– https://www.tv-asahi.co.jp
– https://mydramalist.com
#BG: Personal Bodyguard ภาค 2