รีวิวซีรีส์ญี่ปุ่น Queen ทีมทนายความรับจัดการข่าวฉาว…“เราต้องไม่เพิกเฉยกับเสียงร่ำไห้ของผู้ที่ไร้อำนาจที่เรียกร้องอยู่ เราต้องเปลี่ยนโลก…ที่มักจะให้อภัยกลุ่มคนมีอำนาจที่ปิดบังการกระทำความผิดของตัวเอง”
ซีรีส์ญี่ปุ่นที่ไม่ได้มีฉากว่าความอย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์ แต่เป็นซีรีส์ทนายความในแผนกจัดการความเสี่ยงให้เรื่องราวคลี่คลายลงด้วยดี แต่คดีที่เจอก็ไม่ได้ง่ายนัก… เช่น จะทำอย่างไรดี เมื่อวงไอดอลชื่อดังตบกันกลางรายการ แม่บ้านและลูกชายที่โดนเพื่อนบ้านกลั่นแกล้ง เกิดเรื่องชู้สาวกับคนดัง นักวิจัยมากฝีมือที่ถูกปล่อยข่าวฉาววิจัยเก๋ที่ไม่รู้จริงหรือเปล่า แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะยากแค่ไหน ทีมทนายนี้ก็สามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างสมบูรณ์แบบ อยากรู้แล้วใช่ไหมว่า ซีรีส์เรื่องนี้จะน่าดูขนาดนั้น มาอ่านรีวิวกันได้ที่นี่เลยค่ะ
เรื่องราวของ Queen ทีมทนายแผนกจัดการความเสี่ยง
“Queen” หรือชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่นว่า “Sukyandaru Senmon Bengoshi Queen” เป็นเรื่องราวของคู่หูทนายความมากความสามารถอย่าง “ฮิมิ โค” (รับบทโดย ยูโกะ ทาเคะอุจิ) และ “จิเอะ โยดะ” (รับบทโดย อาซามิ มิซึคาว่า) ที่ประจำอยู่แผนกจัดการความเสี่ยง ทำงานดีจนหัวหน้าไม่ยอมให้ลาหยุด เพราะพอจะหยุดก็มีเคสใหม่เข้ามาเรื่อยๆ และไม่มีใครจัดการได้ดีเท่าเธอสองคน กลายเป็นว่าจะลาทีไร ก็มีเคสใหม่ๆ เข้ามา ทำให้ไม่ได้หยุดงานกับเขาสักที นอกจากนี้ยังมีทีมที่คอยช่วยให้แต่ภารกิจสำหรับไปได้ด้วยดี
ส่วนหน้าที่ของทีมนี้ก็คือ ต้องเข้าไปจัดการความเสี่ยงของลูกค้า ที่มักจะมาพร้อมกับเคสข่าวฉาว ไม่ว่าจะเป็นไอดอลตีกันเองในวง ล่วงละเมิดทางเพศ กดขี่เรื่องเพศ หรือข่าวฉาวอื่นๆ ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง คนที่ตกอยู่ในข่าวฉาวก็จะรีบวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากทีมพวกเธอ แต่บางเรื่องก็มีความยากซะเหลือเกิน เมื่อลูกค้ากำลังกุมความลับอะไรบางอย่าง จนทำให้ฮิมิและทีมต้องสืบสาวหาความจริง และมักจะเจอเรื่องไม่คาดฝันที่เหล่าลูกความเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ข่าวฉาวพวกนั้น
ความน่าสนใจ ที่ห้ามพลาด
1. ละครแนวทนายความ เจาะด้านจัดการความเสี่ยง
ถือว่าซีรีส์เรื่องนี้มีความแปลกใหม่ค่ะ ถ้าพูดถึงซีรีส์แนวทนายความ เราก็จะนึกถึงฉากว่าความกันในศาลกันดุเด็ดเผ็ดมันส์ แต่สำหรับเรื่องนี้มีฉากนั้นแค่เพียงในตอนจบเท่านั้น ในเนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นการให้คำปรึกษาเสียมากกว่า นั่นอาจเป็นเพราะว่านี่คือละครที่เล่าถึงอาชีพทนายที่อยู่ใน “แผนกจัดการความเสี่ยง” ทีมนี้จะรับทำงานให้คนที่รู้สึกว่าเกิดความเสียหายทางด้านชื่อเสียง เป็นบุคคลสาธารณะ ที่เจอข่าวฉาว (ที่มักไม่จริง) เข้าโจมตี หน้าที่ต่อไปของทีมคือ จะทำอย่างไรที่จะจัดการข่าวฉาวนี้ให้จบลงได้อย่างสวยงาม และสร้างความเข้าใจใหม่ว่าลูกความไม่ได้ผิดอย่างที่คิด หรือมีอะไรที่มากกว่านั้น
ในเรื่องก็จะเห็นกลวิธีต่างๆ ที่เหล่าตัวละครเอกหยิบมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานแถลงข่าว การขุดหลักฐานชั้นยอดมาตีแผ่บนหนังสือพิมพ์ หรือใช้โซเชียลมีเดียในการเบี่ยงเบนความสนใจ เมื่อเจอเล่นงานผ่านสื่อที่ประโคมข่าวฉาวออกมา ทีมนี้ก็ขอใช้วิธีนี้นี่แหละในการประกาศความจริงให้สาธารณชนรับรู้ แบบตาต่อตาฟันต่อฟันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่เล่นใหญ่ แต่นี่กลับเป็นแผนที่พวกเขาวางเอาไว้ให้สังคมเดินไปตามเกม และเป็นหนทางที่มี “ความเสี่ยงน้อยที่สุด” และจะพาเรื่องราวทุกอย่างจบได้อย่างสวยงาม แบบที่คนดูอย่างเราก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่า พวกเรื่องคาราคาซังจะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งได้อย่างไรด้วยวิธีการเหล่านั้น…
2. สืบสวนที่คาดเดายาก สับขาหลอกคนดู
ความสนุกน่าติดตามของเรื่องนี้ นอกจากจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทนายความจัดการคดีฉาวๆ แล้ว ยังมีกลิ่นอายของสืบสวนสอบสวน แน่นอนว่าละครสไตล์นี้จะขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่าทุกคดีความก็ต้องอาศัยการสืบหาข้อเท็จจริงๆ เพื่อที่จะหาวิธีมาแก้ไขปัญหาได้ และความพิเศษก็คือ ดูแวบแรกเหมือนละครธรรมดา แต่ดูเข้าจริงๆ แต่เคสก็แอบเดายากเหมือนกันนะเนี่ย ยิ่งพล็อตหลักของเรื่อง ที่ “ฮิมิ” ตัวเอกของเรื่องเหมือนจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องผิดกฎหมาย มีหลักฐานมัดตัวไว้แน่น แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่กลับไปอีกเรื่องราวที่แม้แต่ตัวละครอื่นๆ และคนดูอย่างเราเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน
อยู่ดีๆ ก็ไฝว้กันเองซะแล้ว
3. เนื้อเรื่องไม่เครียดเกินไป แต่ก็อัดแน่นด้วยสาระ
พอพูดถึงเรื่องกฎหมาย หรือทนายความ ภาพที่ตามมาก็มักจะเป็นเรื่องเครียดๆ ใช่ไหมคะ แต่ละครเรื่องนี้จะมีความคอมเมดี้เข้าปนในเนื้อเรื่องด้วย ไม่ทำให้เราเครียดหรือเกร็งจนเกินไป ความฮาๆ เล็กน้อยๆ ก็มาจากเพื่อนร่วมทีมอย่าง “ชูจิ ฟิจิเอดะ” (รับบทโดย ไทชิ นาคากาว่า) น้องใหม่ในทีมที่ชอบทำอะไรเปิ่นๆ แต่ก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดมาเลยทีเดียว แต่ด้วยความเปิ่นของเขา ทำงานไม่ค่อยคล่อง เลยชอบถูกแซวว่า “นี่นายจบฮาวาร์ดสาขาไหนมาก”
เพิ่งกลับจากฮาวาร์ดมากแบบเก๋ๆ
หรือตัวของท่านรองประธานในเรื่อง ที่ดูเป็นคนอึนๆ เป็นหัวหน้าที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี กลายเป็นว่าเวลาเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ลูกน้องต้องลุกขึ้นมาออกคำสั่งหัวหน้า (เพราะไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี) แบบงงไปเลยว่านี่ใครคือเจ้าของสำนักงานกฎหมายที่นี่ ก็ดูเป็นมุกตลกเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ทีมมันดูมีสีสันขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอัดแน่นไปด้วยสาระของเรื่องราวกฎหมาย ผ่านการทำงานที่จริงจังที่เกิดขึ้นภายในทีม หรืออาจจะพูดได้ว่า ถึงคราวเล่นก็เล่น แต่เวลาทำงานเราก็จริงจังกันนะ
4. การช่วยเหลือผู้คนด้วยอาชีพที่เราทำ
เสน่ห์ซีรีส์ญี่ปุ่นที่มักสะท้อนปัญหาพร้อมวิธีแก้ไขในเรื่องราวก็ยังคงแทรกอยู่ในละครเรื่องนี้ด้วย ในแต่ละเคส ในแต่ละเรื่องราวความบาดหมาง ในแต่ละข่าวฉาวชนิดที่อาจจะยืนต่อบนสังคมไม่ได้ แค่นึกก็ทำให้เห็นแล้วว่าเป็นงานที่เครียด แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะทำงานอย่างสุดพลัง นั่นก็เพื่อที่จะช่วยเหลือลูกความนั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของไอดอลชื่อดังที่ตีกันกลางรายการ สร้างความเสียหายให้กับค่ายและช่องรายการโทรทัศน์เป็นอย่างมาก ดีไม่ดีเหล่าไอดอลของวงอาจจะต้องถูกพักงาน แต่ทีมทนายนี้นอกจากจะเข้าไปจัดการความเสี่ยง ก็ยังเข้าไปช่วยเหลือเด็กพวกนี้ด้วย เด็กพวกนี้เต็มไปด้วยความกดดัน ไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่วัยรุ่นควรหนึ่งควรจะเป็น ทำได้แค่เพียงตามกระแส ถ้าขัดขืนเมื่อไหร่จะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ แต่นั่นคือสิ่งที่สมควรแล้วหรือ… ทีมฮิมิไม่ใช่แค่จบข่าวฉาว พลิกเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี แต่ยังให้ชีวิตใหม่กับพวกเด็กไอดอลอีกด้วย
“มันไม่ผิดนะที่จะแตกต่างจากคนอื่น
นั่นน่ะเป็นคาแรกเตอร์ของนาย”
หรือประเด็นของเด็กที่ถูกเพื่อนบ้านและเพื่อนในโรงเรียนกลั่นแกล้ง ด้วยอาการป่วยทางสมองของเขา ทำให้กลายเป็นเด็กที่แตกต่างจากคนทั่วไป สร้างความเดือนร้อนให้พ่อแม่ และความทรมานใจที่ทำไมไม่เป็นเหมือนคนอื่นๆ จนทำให้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่า มันเป็นเรื่องปกติที่คนเราจะไม่เหมือนกัน และไม่ใช่ความแปลกแยก นอกจากทีมฮิมิจะช่วยหยุดพฤติกรรมการกลั่นแกล้งแล้ว พวกเขายังช่วยให้ลูกความมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย
“เราต้องไม่เพิกเฉยกับเสียงร่ำไห้ของผู้ที่ไร้อำนาจที่เรียกร้องอยู่
เราต้องเปลี่ยนโลก…ที่มักจะให้อภัยกลุ่มคนมีอำนาจที่ปิดบังการกระทำความผิดของตัวเอง”
ในเรื่องเราจะเห็นว่า ตัวละครทำงานกันหนักมากเลย จนเกิดความสงสัยในใจว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาทุ่มเทกับงานที่รักขนาดนั้น เรื่องเงินทองนั้นไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่เราสัมผัสได้แน่ๆ คือ ความสุขที่พวกเขาได้เข้าไปช่วยเหลือผู้คน โดยใช้ความสามารถที่มี อำนาจที่มีในการช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ให้กลับมามีชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่นลึกลับ ระทึกขวัญ แบบไม่นองเลือด
– Review ซีรีส์ญี่ปุ่น Kyojo ครูโหดกับนักเรียนที่หายไป
– รีวิว TRICK ซีรีส์สืบสวนส่องผี พลังมายากลสู้พลังเหนือธรรมชาติ
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่นแนวกีฬา ที่ดูแล้วอยากเชียร์ทั้งใจ
– ย้อนไปดู 5 ไอดอลชายญี่ปุ่น ยุค 90-2000s ตอนนี้เป็นยังไงกันบ้าง
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
– ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Queen
– https://www.fujitv.com
– http://asianwiki.com
– https://trilltrill.jp
– https://instagrammernews.com
#รีวิวซีรีส์ญี่ปุ่น Queen ทีมทนายความรับจัดการข่าวฉาว