Live Action ไม่ได้ถูกสร้างในรูปแบบของภาพยนตร์เท่านั้น แต่ซีรีส์ญี่ปุ่นหลายเรื่อง ก็หยิบเอามังงะมาสร้างเป็นละครจนดังเปรี้ยงปร้างก็มีค่ะ
หลายคนคงเคยได้ยินประเด็นการสร้าง Live Action มาบ้างว่า พอมาสร้างเป็นเวอร์ชั่นคนแสดงแล้วไม่ค่อยอินเท่าตอนอ่านมังงะเลย หรือทำออกมาไม่ค่อยเหมือนสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ทั้งหมดเสมอไปนะคะ ซึ่งเรื่องที่ทำออกมาแล้วปังๆ ก็มีไม่น้อย และ Live Action ไม่ได้ถูกสร้างในรูปแบบของภาพยนตร์เท่านั้น แต่ละครญี่ปุ่นหลายเรื่อง ก็หยิบเอามังงะมาสร้างเป็นละครจนดังเปรี้ยงปร้างก็มีค่ะ วันนี้เลยขอมาแนะนำซีรีส์หรือละครญี่ปุ่น 5 เรื่องดังที่สร้างมาจากมังงะที่ทำออกมาดี จนใครๆ ก็พูดถึงมาฝากกันค่ะ
1. Hana Yori Dango: F4
ถ้าพูดถึงเรื่อง F4 น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เพราะเป็นซีรีส์ที่โด่งดังมาก โดยหลายประเทศเอาไปสร้างเป็นซีรีส์ เรื่องราวของแก๊งหนุ่มสุดหล่อ F4 กับสาวยากจนที่มีจิตใจดี เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันหนึ่ง “มากิโนะ” นางเอกของเรื่อง ดันไปทำให้ “โดเมียวจิ” หนึ่งในสมาชิกแก๊ง F4 โมโหเข้า เลยถูกแจกใบแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าต่อจากนี้เธอจะถูกรุมกลั่นแกล้ง แต่มากิโนะก็ไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นมาสู้กับแก๊ง F4 จนกระทั่งวันหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าโดเมียวจิที่เหม็นขี้หน้ามากิโนะ กลับหลงรักผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาอย่างจัง แต่ในขณะเดียวกันมากิโนะก็แอบหวั่นไหวปันใจให้กับ “ฮานาซาว่า รูอิ” เพื่อนสนิทของโดเมียว กลายเป็นเรื่องราวรักสามเส้า เราสามคนที่เล่นเอาแฟนๆ ลุ้นกันมากว่าบทสรุปแห่งความรักจะเป็นอย่างไร
สำหรับละครเรื่องนี้ เวอร์ชั่นที่ดังเป็นพลุแตกในไทยสุดๆ ก็น่าจะเป็นเวอร์ชั่นไต้หวันนั่นเอง ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ F4 FEVERและต่อมาญี่ปุ่นเองก็นำมาสร้างเป็นซีรีส์เช่นกัน ซึ่งในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นก็สร้างเรตติ้งในบ้านเขาได้ดีเช่นกัน โดยมีเรตติ้งเฉลี่ยรวมทั้งเรื่องอยู่ที่ 19.6%
หลายคนอาจติดภาพว่าเรื่อง F4 เป็นละคร แต่จริงๆ แล้ว สร้างมาจากมังงะญี่ปุ่นค่ะ ชื่อเรื่องว่า Hana Yori Dango แต่งขึ้นในปี 1992 และจบในปี 2003 แต่งโดยโยโกะ คามิโอะ และประเทศแรกที่นำมาดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่นคนแสดงก็ไม่ใช่ใครที่ไหนค่ะ ก็คือ “ญี่ปุ่น” นั่นเอง โดยสร้างเป็นภาพยนตร์ ฉายในปี 1995 ค่ะ (เวอร์ชั่นไต้หวันออกอากาศเมื่อปี 2001)
2. Liar Game
เรื่องนี้เขาว่ากันว่า เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นเวอร์ชั่นคนแสดงที่ทำออกมาได้คล้ายคลึงกับเวอร์ชั่นมังงะมาก และมีเนื้อเรื่องที่สนุกสุดๆ ชนิดที่ว่าดูแล้วไม่อยากจะลุกไปไหนเลย จนหลายคนแนะนำเลยว่า ถ้าอยากจะลองดูซีรีส์ญี่ปุ่นล่ะก็ ต้องลองดูเรื่องนี้เลยจะไม่ผิดหวัง
Liar Game เป็นละครที่สร้างมาจากมังงะชื่อเรื่องเดียวกัน แต่งและวาดโดย ชิโนบุ คาอิตานิ เนื้อเรื่องก็จะเป็นเรื่องราวของ “นาโอะ คันซาะกิ” นางเอกของเรื่อง ได้รับบัตรเชิญให้เข้าไปร่วมเล่นเกมโกหก หรือ Liar Game กฎกติกาของเกมก็แสนง่ายค่ะ จะโกหกอะไรก็ได้ เพื่อให้ได้เป็นผู้ชนะ คนที่ชนะก็จะได้เงิน 100 ล้านเยน ส่วนคนที่แพ้ก็จะต้องติดหนี้ไม่ต่ำว่า 100 ล้านเยน… แต่มันเป็นเกมที่ยากสุดๆ สำหรับนาโอะ เพราะเธอเป็นคนใสซื่อ โกหกใครก็ไม่เป็น เจอเงิน 100 เยนตกอยู่ตามถนนยังเอาไปคืนที่สถานีตำรวจเลยค่ะ! เห็นทีไม่น่าจะรอดแน่ๆ แต่แล้วก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอค่ะ นั่นก็คือ “อากิยาม่า เคนอิจิ” ชายหนุ่มยอดอัจฉริยะ มีไหวพริบ และอ่านใจคนออกด้วยทักษะด้านจิตวิทยา ที่ไม่ว่าใครก็โค่นไม่ได้
ในเวอร์ชั่นคนแสดงนี้ นักแสดงที่รับบทเป็นอากิยาม่า หรือมัตสึดะ โชตะ ก็ตีบทแตก นึกว่าอากิยาม่าในมังงะหลุดออกมาเองเลย ส่วนบทนาโอะ ก็ได้เอริกะ โทดะมารับบทนี้ค่ะ ก็เล่นได้ใสซื่อสุดๆ และจากความนิยม ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ถูกสร้างหลาย Season มากค่ะ ทั้งหมดทั้งมวลรวมแล้วก็มี 8 ภาคด้วยกัน (แล้วก็มีเวอร์ชั่นเกาหลีอีกหนึ่งด้วย) ทั้งละคร ละครพิเศษ และภาพยนตร์ เป็นละครที่สร้างจากมังงะอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดจริงๆ ค่ะ
3. Hanazakari no Kimitachi e
ถ้าพูดถึงมังงะหรือละครวัยใส High School ของญี่ปุ่นที่ต้องควรยกขึ้นหิ้ง เห็นทีจะไม่พ้นเรื่องนี้ค่ะ Hanazakari no Kimitachi e หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “Hana Kimi” เรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ปลอมตัวเป็นนักเรียนชาย เพื่อเข้าไปตามหา “ซาโนะ อิซุมิ” อดีตนักกีฬากระโดดสูง ที่เคยช่วยเหลือชีวิตเธอเอาไว้ แต่จากการช่วยเหลือในครั้งนั้น ทำให้ข้อเท้าของเขาได้รับบาดเจ็บ จนทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากการเป็นนักกีฬากระโดดสูง ด้วยเหตุนี้เธอเลยต้องมาทำให้อิซุมิกลับมากระโดดสูงให้ได้อีกครั้ง

นักแสดงแต่ละคนเล่นใหญ่กันมาก ไม่มีใครยอมใคร
“นากาทสึ” ตัวละครตัวสำคัญของเรื่องอีกคน กับซีนในตำนาน ที่ใครได้ดูเป็นอันลืมไม่ลง
ความโดดเด่นของเรื่องนี้ นอกจากพล็อตที่น่าติดตาม ก็คงเป็นความคอมเมดี้ของเนื้อเรื่องค่ะ ดูแล้วเป็นอันต้องหลุดขำทุกที ซึ่งในเวอร์ชั่นคนแสดงก็ทำออกมาได้ดีมากๆ กวาดเรตติ้งตอนสุดท้ายไปได้ 21% และเรตติ้งเฉลี่ยรวมทั้งเรื่อง 17.3% นอกจากนี้ ยังเป็นละครที่กวาดรางวัลมาอย่างมากมาย ทั้งละครยอดเยี่ยม นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (โฮริกิตะ มากิ) และนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม (โอกุริ ชุน และอิคุตะ โทมะ) จากหลายเวทีเลยค่ะ
4. Nigeru wa Haji da ga Yaku ni Tatsu
นี่ก็เป็นซีรีส์ที่สร้างปรากฎการณ์สำคัญแห่งปีเช่นกันค่ะ ในช่วงที่ละครเรื่องนี้ฉาย มีคนดูติดกันงอมแงม และเกิดปรากฏการณ์เต้น Cover เพลง Koi ซึ่งเป็นเพลงประกอบละครเรื่องนี้ (คนร้องก็คือพระเอกของเรื่องนี้นี่เองค่ะ) โดยเต้นตามท่าที่นักแสดงทุกคนเต้นกันในเพลงตอนปิดท้ายละคร เต้นกันแล้วก็เอามาอัพลงโซเชียล จนกลายเป็นไวรัลขึ้นมาเลย โรงเรียนสอนเต้นบางที่ก็ถึงกับเอาเพลงนี้มาสอนกันเลยด้วย
ละครเรื่องนี้สร้างมาจากมังงะชื่อเรื่องเดียวกัน แต่งโดย ทสึนามิ อุมิโนะ เป็นเรื่องราวของ มิคุริ โมริยาม่า สาวโสดวัย 25 ปี จบมาไม่รู้จะทำงานอะไร เลยไปเรียนต่อปริญญาโท แต่เรียนจบมาแล้วก็ยังไม่เจองานใช่ และยังไม่ได้ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่ง วันดีคืนดีพ่อของเธอก็แนะนำงานให้ และฝากเธอให้ไปทำงานกับคนที่พ่อรู้จัก นั่นก็คือ ไปเป็นแม่บ้านให้กับฮิรามาซะ ซึซากิ หนุ่มโสด พูดน้อย แต่ใจดี และดูเหมือนว่ามิคุริจะชอบงานนี้มาก เพราะว่าเธอเป็นคนชอบทำงานบ้านค่ะ
แต่แล้วเธอก็ต้องผิดหวัง เมื่อพ่อกับแม่ตัดสินใจจะย้ายบ้าน ทำให้มิคุริต้องลาออกจากงาน แต่มิคุริก็ทำใจไม่ได้ ที่จะจากงานที่รักไป เลยทำให้เกิดแผนการอลเวงที่วางแผนร่วมกันกับฮิรามาซะซัง นั่นก็คือ แกล้งเป็นคู่สามีกำมะลอ เพื่อให้มิคุริได้ทำงานเป็นแม่บ้านได้ต่อไป แต่จากการอยู่ร่วมกันก็ทำให้สถานะลูกจ้างกับนายจ้าง เริ่มพัฒนากลายเป็นคู่สามี ภรรยากันจริงๆ!
เป็นละครที่สร้างออกมาได้น่ารักสุดๆ ใครได้ดูก็ต้องฟินไปกับตัวละคร และลุ้นตัวโก่งไปกับความรักระหว่างมิคุริและฮิรามาซะซังค่ะ และเป็นละครอีกเรื่องที่พระเอกดูธรรมดามากเลย แต่ดูไปเรื่อยๆ ต้องมีเผลอตกหลุมรักกันบ้างแหละ!
ป.ล. หนึ่งในเหตุผลที่ว่าหลายคนยกให้เป็นละครที่ดูแล้วฟิน ประทับใจไม่แพ้เวอร์ชั่นมังงะก็คือ มี “งักกี้” เล่นเป็นนางเองด้วยนี่แหละ ดาเมจรุนแรงจริงๆ ค่ะ!
5. Nietzsche Sensei
ขอปิดท้ายที่ซีรีส์ม้ามืด แต่ไม่พูดถึงก็ไม่ได้ นั่นก็คือเรื่อง Nietzsche Sensei ค่ะ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สร้างมาจากมังงะเช่นกัน ในซีรีส์อาจจะพูดได้เลยว่า ดูไม่ค่อยได้ลงทุนกับฉากอะไรมากมาย เพราะทั้งเรื่องฉากมีอยู่สถานที่เดียวนั่นก็คือ “ร้านสะดวกซื้อ” แต่บทพูด การแสดงของนักแสดงแต่ละคนนี่เอาอยู่ ดูไปนี่ไม่มีเบื่อเลยค่ะ แถมฮาอีกต่างหาก
ตัวอย่างความเพี้ยน คนหนึ่งเต้น อีกคนก็สวดมนต์…
Niche Sensei ดัดแปลงมาจากมังงะเรื่อง Niche Sensei Konbini ni Satori Sedai no Shinjin ga Maiorita แต่งโดย โคมะ มัตสึ และภาพวาดโดย ฮาชิโมโตะ ส่วนเนื้อเรื่องก็จะเป็นเรื่องราวของมัตสึโคมะ พนักงานพาร์ทไทม์ร้านสะดวกซื้อและรุ่นน้องที่เข้ามาทำงานใหม่เป็นนักศึกษาคณะพุทธศาสตร์ชื่อ โทโมฮารุ นิอิ จากนั้นก็มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นภายในร้านสะดวกซื้อ และทั้งมัตสึโคมะ นิอิ และพนักงานในร้านคนอื่นๆ ก็ต้องเผชิญกับลูกค้ามากหน้าหลายตา และพนักงานแต่ละคนก็มีวิธีการจัดการที่ต่างกันไป
จะโกรธ จะดีใจ หรือเสียใจ ก็หน้านี้ตลอด…
จุดเด่นของเรื่องนี้ก็อยู่ที่ตัวละคร “นิอิซัง” เนี่ยแหละค่ะ ที่มีบุคลิกนิ่งๆ หน้าเดียวตลอด แต่กลับฮา ออกแนวฮาหน้าตาย พูดน้อยแต่ต่อยหนัก และมักมาพร้อมกับข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิต แม้ฉาก หรือพล็อตไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ความธรรมดา ความฮาแบบจัดเต็มก็ครองใจคนดูไปหลายคนเลยค่ะ
แต่ก็มีแอบหลุดขำบ้าง ฮ่าๆ
นี่ก็คือละครญี่ปุ่นที่สร้างมาจากมังงะแล้วดังเปรี้ยงปร้าง เป็นที่นิยมค่ะ ซึ่งจริงๆ แล้ว มีละครญี่ปุ่นหลายเรื่องมากที่ทำออกมาดีและไม่ได้พูดถึงในบทความนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Nodame Cantabile, Iryu Team Dragon, Bloody Monday หรือ Gokuzen และอีกหลายๆ เรื่อง หากคุณผู้อ่านคนไหนอยากแชร์เรื่องอะไรเพิ่มเติม ก็มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– Papa Idol เรื่องราวความรักต้องห้ามกับไอดอล
– 5 จุดจบตัวร้ายในละครญี่ปุ่น ที่ไม่ต้อง “ตาย” เสมอไป
– 10 เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิงญี่ปุ่น 2017
– แนะนำซีรีส์หมอญี่ปุ่น มีหมออะไรบ้างในซีรีส์
– รีวิวละครญี่ปุ่น “ผมนี่แหละครูใหญ่”
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
– https://tokyosuite.wordpress.com
– http://asianwiki.com
– http://ticket-news.pia.jp
– http://oishiithoughts.blogspot.com
– http://www.ioffer.com
– https://www.avirtualvoyage.net
– https://cypsis.blogspot.com
– http://asianwiki.com
– http://aramajapan.com
– https://tokyogirlsupdate.com
– http://asianwiki.com
– http://wellhuang.blogspot.com
#5 ซีรีส์ญี่ปุ่น Live Action ทำแล้วปัง ดังไม่แพ้มังงะ