ถ้ามองย้อนกลับไปประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว สำหรับสาวกสาย J คงต้องรู้จักกับนิตยสารฉบับนี้แน่นอนค่ะ “J-SPY” นิตยสาร ที่รวมเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นของประเทศไทยที่โด่งดัง แต่ด้วยกระแสญี่ปุ่นฟีเวอร์ที่เบาบางลง ทำให้ “J-SPY” กลายเป็นตำนานที่อยู่ในความทรงจำของคนที่รักญี่ปุ่นทุกคนอย่างไม่เคยลืม เลือน วันนี้ดิฉันจะพาทุกคนมาย้อนความหลังถึงเรื่องราวของนิตยสารแห่งตำนานเล่มนี้ กัน!
ก่อนที่จะย้อนความหลังไปที่นิตยสาร “J-SPY” มีนิตยสารอีกเล่มหนึ่งค่ะที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ ซึ่งก็คือ นิตยสาร “IDOL” หรือ “Idol Nippon”
“Idol Nippon” ได้ ถือกำเนิดขึ้นก่อนหน้า “J-SPY” จุดเด่นของนิตยสารนี้ก็คือ ภาพหน้าปกค่ะ จะมีความชัดและสีสวยมากๆ รวมไปถึงรูปภาพในเล่มด้วยค่ะ ส่วนในด้านเนื้อหา “Idol Nippon” จะนำเสนอเนื้อหาไม่ค่อยหลากหลายนัก แต่มีความละเอียดแบบสุดๆ เนื้อหาส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ด้านดนตรี โดยเฉพาะ J-ROCK ค่ะ แต่ต่อมาก็ได้ปิดตัวลง และต่อจากนั้นนิตยสาร “J-SPY”ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
ถึงแม้ว่า “Idol Nippon” จะเป็นอีกนิตยสารหนึ่งที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับญี่ปุ่น แต่ “J-SPY” กลับถูกกล่าวขานมากที่สุดในปัจจุบันนี้ อาจเป็นเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในยุคสมัยที่ใกล้เคียงกับปัจจุบันมากที่สุด และเป็นนิตยสารที่ได้รับความนิยมมาก จนกลายเป็นที่จดจำสำหรับผู้คนทั่วไป และหลังจากนิตยสาร “Idol Nippon” ปิดตัวลง นิตยสาร “J-SPY” ก็เป็นเพียงนิตยสารเล่มเดียวที่อยู่คู่คนไทยที่รักความเป็นญี่ปุ่นมาอย่าง ยาวนาน
สำหรับนิตยสาร “J-SPY” ก่อตั้งโดย บ.ก.อิงค์ ปรนัย ฉบับแรกวางแผงเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2000 ซึ่งปกของนิตยสาร “J-SPY” ฉบับแรกประเดิมด้วย “Takizawa Hideaki” หรือ “Tackey” หนุ่มหล่อขวัญใจชาวไทยนั่นเอง ซึ่งสำหรับฉบับแรกนี้พี่อิงค์ได้ขอกับทางบริษัทว่า ถ้า “J-SPY” ไม่มีแฟนๆ สนับสนุนจะขอทำแค่ 3 เล่มเท่านั้น แล้วจะเลิกทำไป เพราะในสมัยนั้นนิตยสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับญี่ปุ่นแบบนี้วางขายตามท้อง ตลาดหาได้น้อย ถือเป็นเรื่องที่ยังคงแปลกใหม่ และมีความเสี่ยงต่อผู้ที่จัดทำ แต่!!! ปรากฏว่าเมื่อวางขายแล้วนั้น “J-SPY” ขายหมดเกลี้ยงทุกแผงภายในเวลาแค่ไม่กี่วัน อีกทั้งไม่เหลือกลับโรงพิมพ์แม้แต่เล่มเดียว!!! มิหนำซ้ำยังถูกตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 2 อีกด้วย!
เริ่มแรกพี่อิงค์ได้ลงเนื้อหาเกี่ยวกับดาราและศิลปินญี่ปุ่นให้เป็นส่วนหนึ่งในนิตยสาร I-SPY ก่อนที่จะแยกออกมาอย่างเต็มตัวในนามนิตยสาร “J-SPY”
มาพูดถึงลักษณะโดยรวมของนิตยสาร “J-SPY” กันดีกว่า นิตยสาร “J-SPY” ถ้าพิจารณาจากเนื้อหา นิตยสารเล่มนี้จะจัดอยู่ในประเภทนิตยสารบันเทิงญี่ปุ่นค่ะ เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่นำเสนอเรื่องราวข่าวคราว และบทความต่างๆ เกี่ยวกับดารา ศิลปินญี่ปุ่น ซึ่งจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ค่ะ คือ ส่วนของศิลปิน J-POP และ J-ROCK ค่ะ
ศิลปินจากฝั่ง J-POP
ศิลปินจากฝั่ง J-ROCK
จากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับเพลงและซีรี่ส์ใหม่ๆ มาอัพเดทอีกด้วย เนื้อหาในนิตยสารนี้ก็จะมีทั้งที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่น และเขียนขึ้นเองจากคอลัมนิสต์ของนิตยสาร J-SPY แต่นิตยสารนี้ก็ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความบันเทิงเพียงอย่างเดียว ยังมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับความรู้ญี่ปุ่นอื่นๆ อีกด้วย เช่น การแต่งหน้า ทำผม อาหารญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น การท่องเที่ยว เป็นต้น
นิตยสาร J-SPY กำลังไปได้สวย แต่ว่าเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป เทรนด์ของผู้คนก็เปลี่ยนตาม กระแส Japan Fever ได้เบาบางลง และถูกแทนที่ด้วยกระแส Korea Fever แทน ทำให้นิตยสาร J-SPY เริ่มสั่นคลอน จากที่เป็นนิตยสารรายเดือน ต้องกลายมาเป็นนิตยสารราย 2 เดือน (2 เดือน ออก 1 เล่ม) และในที่สุดก็ต้องปิดตัวลงที่ฉบับ 132
แต่ถึงกระนั้น J-SPY ก็ไม่ได้หายไปซะทีเดียวหรอกนะคะ หลังจากการปิดตัวของ J-SPY เนื้อหาสาระเกี่ยวกับญี่ปุ่นถูกถ่ายโอนไปยังนิตยสารในเครือเดียวกันค่ะ ซึ่งก็คือนิตยสาร “I-SPY” ไปอยู่ในส่วนของคอลัมน์ “J-Spy City” ก็ยังพอเป็นพื้นที่ให้แฟนๆ ที่รักความเป็นญี่ปุ่นได้อ่านเนื้อหาสาระดีๆ ต่อไป แต่โชคชะตาก็ช่างไม่เข้าข้าง อยู่มาวันหนึ่งนิตยสาร I-SPY ได้รับคำสั่งสายฟ้าแล่บให้ปิดตัว และจากวันนั้นเป็นต้นมา J-SPY ก็กลายมาเป็นตำนานของผู้ที่รักและหลงใหลญี่ปุ่นมาจวบจนถึงทุกวันนี้
ดิฉันเองก็เป็นแฟนของนิตยสาร J-SPY ค่ะ จำได้ว่า หลงรักญี่ปุ่นตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมต้น ในทุกๆ เดือนเฝ้ารอนิตยสารฉบับนี้มาโดยตลอด แทบทุกเดือนต้องแวะเข้าร้านหนังสือ บางเดือนก็อาจจะพลาดไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ตามอ่านนิตยสารฉบับนี้ค่ะ เป็นอีกเล่มหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำ และเชื่อว่าก็เป็นนิตยสารที่อยู่ในความทรงจำของเพื่อนๆ ที่รักญี่ปุ่นอีกหลายคนค่ะ
ถึงแม้ว่านิตยสารได้ปิดตัวลงไปแล้ว แต่ J-SPY ก็ยังคงปรากฏตัวให้แฟนๆ ได้พบเห็นอยู่บ้างตามงานหนังสือแห่งชาติ ที่นำ J-SPY ฉบับเก่าๆ มาวางขาย หรือบางโอกาสก็จะออกฉบับพิเศษออกมาให้แฟนๆ ได้อ่านกัน
นี่คือฉบับพิเศษที่ออกมาค่ะ ชื่อฉบับว่า “2013 J Be Here Special”
จากเรื่องราวของนิตยสาร J-SPY ทำให้ดิฉันได้เห็นอะไรบางอย่างค่ะ ได้เห็นถึง “เสน่ห์ของหนังสือ” หนังสือไม่ใช่แค่สิ่งที่รวบรวมข้อมูล ความรู้ให้เราได้อ่านหรือเพลิดเพลินได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังเป็นเหมือนความทรงจำที่เราสามารถ “จับต้องได้” หรือเป็นเหมือนสิ่งที่เราสามารถเก็บไว้ดูในยามที่เราคิดถึงมัน ความสุขของการอ่านหนังสือไม่ใช่แค่เพียงเนื้อหาที่อยู่ในหนังสือนั้นหรอกค่ะ หากแต่เป็นความรู้สึกมีความสุขไปกับการใช้เวลากับกระดาษในแต่ละแผ่นพร้อมกับ นั่งอ่านอยู่ในมุมสบายๆ ของเราเอง
ถึงแม้ว่านิตยสาร J-SPY ได้หายไปจากวงการของโลกหนังสือหรือนิตยสาร แต่ความเป็นญี่ปุ่นก็ยังไม่หายไปไหนค่ะ เห็นได้จากเว็บไซต์ marumura ที่ได้นำเสนอเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่นให้เพื่อนๆ ได้อ่านผ่านสื่อออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย รวดเร็ว ทันใจ อีกทั้งความทรงจำเกี่ยวกับ “J-SPY” ก็จะยังไม่เลือนหาย และยังคงอยู่กับพวกเราตลอดไป
Japan Never Die…
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– บทสัมภาษณ์ ฟุคุยามะ มาซาฮารุ นักแสดงนำหนังรางวัล LIKE FATHER, LIKE SON
– รีวิวภาพยนตร์ญี่ปุ่น “โอชิน”
– อุเอโนะ จูริ เล่าถึงมัตสึจุน และหนังรักสุดประทับใจเรื่อง Hidamari no Kanojo
– สงสัยกันมั้ย “ไคจู” คือตัวอะไรในหนังญี่ปุ่น
– รีวิวหนัง SADAKO 3D คำสาปมรณะ หลอนทะลุจอ
#j-spy