วันนี้ลองมาคิดดูค่ะว่า เอ… พอจะมีเหตุผลอะไรบ้างนะ ที่ทำให้ซีรีส์ญี่ปุ่นภาค 2 ทำออกมาไม่แป้กและน่าเบื่อเกินไป มาหาคำตอบกันไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ละครญี่ปุ่นมักไม่หยุดอยู่แค่ที่ภาคแรก แต่จะมีภาค 2 ภาคพิเศษ ภาค Movie อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะมากมาย ถึงแม้จะมีหลายภาค แต่ก็ยังดูได้ไม่น่าเบื่อ แถมบางเรื่องแฟนๆ ก็รอชมภาค 2 ต่อเสียด้วย
จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าละครญี่ปุ่นภาคต่อ หรือภาค 2 จะประสบความสำเร็จไปเสียทุกเรื่อง แต่ก็มีหลายเรื่องค่ะ ที่ดูแล้วยังเพลินๆ สนุกจนน่าติดตาม บางเรื่องภาค 2 ก็เรตติ้งพุ่งสูงกว่าภาคแรกเสียอีก
วันนี้เลยลองมาคิดดูค่ะว่า เอ… พอจะมีเหตุผลอะไรบ้างนะ ที่ทำให้ละครญี่ปุ่นภาค 2 ทำออกมาไม่แป้กและน่าเบื่อเกินไป มาหาคำตอบกันไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
1. จบไม่เคลียร์
ละครญี่ปุ่นที่มีภาค2 แทบทุกเรื่องจะจบแบบงงๆ ไม่เคลียร์ค่ะ อารมณ์แบบว่า อ้าว เฮ้ย! แล้วมันยังไงต่อ จบแล้วเหรอ พอทิ้งตอนจบไว้แบบไม่ชัดเจน ก็จะเป็นเหมือนจุดเชื่อมต่อ ที่สามารถสร้างภาคต่อไปแล้ว และดูมีอะไรให้คนอยากติดตามต่อค่ะ
อย่างเช่น ละครเรื่อง Liar Game ที่สร้างมาจากมังงะ เป็นละครอีกเรื่องหนึ่งที่มีหลายภาคมากๆ ค่ะ ซึ่งภาคแรกก็จบแบบยังไม่เคลียร์เท่าไหร่ แม้จะผ่านการเล่นเกมมาได้ แต่ยังไม่รู้อยู่ดีว่า ใครคือบอสใหญ่ หรือผู้บงการสร้างเกมโกหก Liar Game ขึ้นมาปั่นประสาทคน และทำให้คนต้องเป็นหนี้มากมายมหาศาลขนาดนั้น
2. เนื้อเรื่องภาค 2 เฉลยปมภาคแรก เพิ่มปมใหม่ในเรื่อง
จากข้อแรกที่กล่าวไป พอมาถึงการสร้างภาคที่ 2 ก็จะมีเรื่องราวให้เล่าต่อ และเป็นสิ่งที่ผู้ชมเขารอหาคำตอบมาจากภาคที่แล้ว ก็เลยทำให้ผู้ชมอยากจะดูต่อค่ะว่า แล้วจริงๆ เรื่องราวแห่งบทสรุปจะเป็นอย่างไร หรือพูดอีกอย่างก็คือ ละครบางเรื่องภาคแรกก็ยังดูเหมือนไม่จบดี ยังมีอะไรต่อได้อีก
เรตติ้งภาค 2 ดี ประทับใจ…
อย่างเช่น เรื่อง 99.9: Keiji Senmon Bengoshi เรื่องนี้ก็จะมีปมปริศนาเกี่ยวกับพ่อพระเอกที่ถูกดำเนินคดีไปค่ะว่า จริงๆ แล้ว พ่อพระเอกทำผิดจริงหรือไม่ และถ้าไม่ได้ทำผิด จะมีหลักฐานอะไรมาหักล้างได้ แล้วเรื่องราวที่แท้จริงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก็เป็นอีกปมหนึ่งที่ผู้คนเฝ้ารอหาคำตอบในภาคที่ 2 และก็เป็นอีกเรื่องที่เรตติ้งภาค 2 ดีสุดๆ อีกด้วย เพราะนอกจากจะเฉลยปมแล้ว ยังมีปมปริศนาใหม่ๆ เกิดขึ้นต่อให้คนดูได้สืบกันไปอีกค่ะ ก็เหมือนกับว่า แม้จะเป็นละครเรื่องเดิม แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้เก่า ไม่ได้คาดเดาง่ายอะไรขนาดนั้นนะ
3. พาตัวละครเดิมมาให้หายคิดถึง
ส่วนผสมสำคัญที่ขาดไม่ได้ในละครภาค 2 เลยก็คือ “ตัวละครเดิมจากภาคที่แล้ว” ค่ะ เพราะกลับมาทั้งที คนดูก็อยากรู้ว่า ตัวละครในภาคแรกจะเป็นอย่างไรต่อไปในภาคนี้ และละครบางเรื่องก็จะมีตัวละครที่น่าประทับใจมาก นักแสดงก็เล่นดี จนเกิดเป็นความผูกพันขึ้นมาก การนำทัพนักแสดงเดิมๆ กลับมาได้ ก็เหมือนกับว่าได้พบเจอเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยอีกครั้ง แม้ว่าจะมีบ้างที่บางเรื่องจะขาดตัวละครเดิมไปบ้าง แต่ที่แน่ๆ ตัวละครหลักต้องมาค่ะ และก็ไม่ควรเปลี่ยนบทค่ะ
แม้ภาคนี้จะไม่มี “ไมโกะ อามามิยะ” (รับบทโดย ทาคาโกะ มัตสึ) มาเล่นเป็นตัวหลักคู่กับคุริว แต่ก็แอบมาเซอร์ไพรส์ในตอนท้ายๆ อยู่เหมือนกันนะคะ
อย่างเช่น เรื่อง HERO ตัวละครหลักบท “โคเฮย์ คุริว” ที่รับบทโดย “ทาคุยะ คิมูระ” ถ้าไม่ใช่ทาคุยะเล่นเหมือนเดิม ก็ไม่ใช่อัยการคุริวที่พวกเราเคยรู้จักแล้ว เหมือนไม่ใช่ HERO เรื่องเก่าที่เราเคยดูนั่นเอง
4. ไม่ฝืนทำ
ไม่ใช่ละครทุกเรื่องที่จะทำภาคต่อได้ค่ะ และก็ไม่ใช่ละครญี่ปุ่นทุกเรื่องที่จะมีภาคต่อด้วย ถ้าเรื่องนั้นจบแบบสมบูรณ์ หรือแบบงงๆ ก็ไม่ทำต่อก็มีค่ะ (ฮา…) เพราะการทำภาค 2 ต่อมันก็มีปัจจัยอะไรหลายๆ อย่าง เช่น เรื่องคิวนักแสดง เรื่องความนิยม รวมถึงเนื้อเรื่องหรือพล็อตที่จะทำต่อ ว่ามันจะน่าสนใจ น่าดึงดูดขนาดไหน ถ้าทำแล้วไม่เวิร์ก ก็จบแบบสวยๆ ให้ตราตรึงใจแค่ภาค 1 ก็พอแหละ หรืออาจจะไม่ต้องทำใหญ่ถึงขนาดภาค 2 ออกมาแค่ภาพพิเศษสักตอนพอหอมปากหอมคอก็ฟินค่ะ
อย่างเช่น ละครในตำนานเรื่องนี้ Last Friends ส่วนตัวมองว่า ภาคเดียวจบนี่ก็อิ่มสุดๆ แต่เนื่องจากมันยังพอมีเนื้อเรื่องต่อไปได้อีกหน่อย ก็ปล่อยภาคพิเศษออกมาให้ได้ดูกัน หรือจะเป็นละครวัยรุ่นอย่างเรื่อง Hana Kimi เรื่องนี้ก็จอดแค่ภาค 1 ไว้เป็นความทรงจำวัยเรียนดีๆ เรื่องหนึ่ง (แต่ก็มีเอาไปทำรีเมคนะคะ แต่ดูเหมือนว่า เวอร์ชั่นแรกสุดจะเป็นที่จดจำ และประทับใจมากกว่า)
5. ทำภาคแรกไว้ให้ดีที่สุด
การที่จะทำละครภาค 2 ออกมาให้ปัง น่าติดตาม มันก็ต้องเริ่มจากการปูฐานภาคแรกให้สวยงามเสียก่อนค่ะ ละครญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่มีภาคต่อ ภาคแรกมักจะสนุก เข้มข้นอยู่แล้ว บวกกับตอนจบดูยังไม่เคลียร์ เลยชวนให้อยากดูต่อ พอภาคแรกทำได้ดี ก็จะมีเสียงเรียกร้องจากแฟนขึ้นมา
ถ้าให้พูดถึงละครญี่ปุ่นที่คนดูเรียกร้องอยากดูภาค 2 ต่อมากเป็นอันดับต้นๆ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง Hanzawa Naoki ค่ะ เพราะเป็นละครเรื่องที่เนื้อเรื่องเข้มข้นแบบถึงพริกถึงขิง แถมมาจบแบบงงๆ อีนี่ถึงกับงงว่า “อิหยังวะ” อยากจะดูภาค 2 เร็วๆ เหลือเกิน อยากรู้ว่าต่อไปชีวิตฮันซาว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากจบภาคแรกไปก็มีกระแสออกมาเยอะแยะมากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็น… ยังไม่ทำต่อ หรือมีแผนจะทำต่อ แต่จะเปลี่ยนนักแสดงที่มารับบทฮันซาว่า แต่ก็ยังเป็นข่าววงในที่ยังไม่ได้สรุปแน่นอน
จนล่าสุดมีข่าวออกมาแล้วค่ะว่า Hanzawa Naoki มีแผนจะทำต่อภาค 2 แล้วนะ นักแสดงทีมเดิม เพิ่มเติมคือความเข้มข้น ซึ่งจะฉายในปีหน้านี้ ยังงี้แฟนๆ มีเฮค่ะ ก็ต้องลอลุ้นกันต่อไปว่า Hanzawa Naoki ภาค 2 จะเป็นอย่างไร จะปังสมกับที่รอคอยหรือเปล่า ต้องติดตามชมของจริงค่า
นี่ก็คือเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้ว่าทำไมละครญี่ปุ่นภาคต่อ หรือภาค 2 มักจะทำออกมาแล้วไม่แป้ก บางเรื่องได้เรตติ้งดีกว่าภาคแรกก็มี และก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีละครภาค 2 ให้ดูแบบเยอะจริงๆ ค่ะ
ถ้าคิดจะดูเรื่องไหน ก็ต้องเตรียมใจและเวลาให้กับภาคต่อๆ ไปกับละครญี่ปุ่นด้วยนะคะ แต่ขอรับรองว่า สนุกครบทุกภาคจริงๆ ใครชอบซีรีส์ญี่ปุ่นที่มีภาคต่อเรื่องไหนก็มาพูดคุย เม้าท์มอยกันได้นะคะ ^^
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– รีวิว “โป๊ะแตกนิวส์” นักข่าวจอมเปิ่น ชีวิตไม่ง่าย แต่ไม่ถอย
– ซีรีส์ญี่ปุ่นช่วง Prime Time ที่น่าดูในฤดูใบไม้ผลิ (ตอนที่ 2)
– ซีรีส์ญี่ปุนช่วง Prime Time ที่น่าดูในฤดูใบไม้ผลิ (ตอนที่ 1)
– รีวิว POKEMON : Detective Pikachu เมื่อปิกาจูมาเป็นนักสืบ!
– Atelier อาชีพช่างทำชุดชั้นใน ความงดงามใต้ร่มผ้า
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
– press.share-wis.com
– cherryblossom-sweet.site
– asianwiki.com/
– www.jprime.jp
#ซีรีส์ญี่ปุ่น