ละครญี่ปุ่นที่หมายเลขสิบเก้าได้ดูก็คือเรื่อง Gegege no Nyobo (ゲゲゲの女房) ออกอากาศในไทยทางช่องทรู ใช้ชื่อว่า ชีวิตครบรสของนักเขียนการ์ตูน (My Husband is a Cartoonist)
สำหรับคนบ้าญี่ปุ่นอย่างหมายเลขสิบเก้า เวลาจะหาแรงบันดาลใจอะไรซักอย่าง คงหนีไม่พ้น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ที่เกี่ยวกับญี่ปุ่นซึ่งบังเอิญว่า เปิดทีวีไปเจอละครญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง หน้าตาพระเอกดูคุ้นๆ คิดว่าน่าจะเป็นขวัญใจใครหลายๆ คน รวมทั้งตัวผู้เขียนด้วย นั่งดูไปซักพักจบตอน แต่ฟีลลิ่งคนดูไม่จบ ไม่รอช้าก็ไปหามาดูจนจบ แล้วก็คิดว่าถ้าไม่บอกต่อเรื่องราวดีๆ แบบนี้คงจะน่าเสียดายแย่เลย
ละครญี่ปุ่นที่หมายเลขสิบเก้าได้ดูก็คือเรื่อง Gegege no Nyobo (ゲゲゲの女房) ออกอากาศในไทยทางช่องทรู ใช้ชื่อว่า ชีวิตครบรสของนักเขียนการ์ตูน (My Husband is a Cartoonist) เป็นละครที่สร้างมาจากหนังสืออัตชีวประวัติที่เขียนโดย Nunoe Mura ในฐานะที่เป็นภรรยาของคนวาดการ์ตูนในยุคคลาสสิค ซึ่งก็คือ อาจารย์ Mizuki Shigeru ชื่อเดิมของอาจารย์มีชื่อว่า Shigeru Mura ผู้เขียนมังงะอสูรน้อยคิทาโร่นั่นเอง เป็นหนังสือที่ตีพิมพ์ในปี 2008 และมียอดกว่า 500,000 เล่ม ต่อมาในปี 2010 ก็ถูกนำมาสร้างเป็นละครตอนละ 15 นาทีในช่วงเช้าของทุกวันจันทร์-เสาร์ (NHK Asadora) เป็นละครช่วงเช้าลำดับที่ 82 ของช่อง NHK จำนวน 156 ตอน
Gegege no Nyobo นั้นได้พระเอกสุดฮอตอย่าง Osamu Mukai มานำแสดงเป็น อาจารย์ Mizuki Shigeru และบทภรรยาได้นักแสดงสาวสูงโปร่ง Matsushita Nao มาแสดงเป็น Iida Fumie ซึ่งเป็นคู่พระนางที่แสดงได้สมบทบาทมากทีเดียว แม้ว่าพระเอกจะดูหน้าเด็กตลอดเวลาก็เถอะ
ส่วนเนื้อเรื่องขอเล่าคร่าวๆ ก็แล้วกันนะขอรับ ในละครจะย้อนการดำเนินเรื่องไปในยุค 60 ซะส่วนใหญ่ เป็นช่วงที่อาจารย์มิซึกิ กับภรรยา ถูกคลุมถุงชน ซึ่งทั้งคู่ก็อายุสามสิบอัพแล้วซะด้วยสิ แต่เป็นโค้งสุดท้ายที่เข้ากันได้ดีเลยทีเดียวขอรับ ภรรยาของเค้าต้องกัดก้อนเกลือไปกับการใช้ชีวิตที่ยากลำบากเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกันในฐานะภรรยาของนักวาดการ์ตูนเกี่ยวกับผีๆ สางๆ ที่ล้มลุกคลุกคลานจนสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับนับถือจากคนรอบข้างมาจนถึงปัจจุบัน
ที่หมายเลขสิบเก้าประทับใจจนหยุดดูไม่ได้ก็มาจากอาจารย์ มิซึกิ ชิเงรุ เป็นนักวาดการ์ตูนที่เสียแขนข้างซ้ายที่ถนัดไปในสงครามเพราะอาจารย์ไปเป็นทหารนั่นเอง ทำให้เหลือแขนขวาข้างเดียว แต่กระนั้นเมื่ออาจารย์กลับมาก็ได้ใช้แขนข้างที่เหลือมุ่งมั่นในสิ่งที่รักต่อไปซึ่งนั่นก็คือ การวาดการ์ตูนนั่นเอง คำว่า เดดไลน์ ในเรื่องนี้เราจะได้ยินบ่อยมาก ดูเหมือนว่านักเขียนการ์ตูนในยุคนั้นจะใช้ชีวิตกันแสนลำบากกันพอตัวเลยทีเดียว
ในเรื่องอาจารย์และภรรยาเป็นคนมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ภรรยาคอยเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ สามีอยู่ตลอด เรียกได้ว่าต้องอดทนอย่างมากๆ เลยทีเดียว ส่วนสามีแม้จะเหลือแขนข้างเดียวแต่ก็ยังคอยดูแลภรรยาได้ดีอยู่เสมอเช่นกัน แอบรู้ใจภรรยาอยู่เงียบๆ จะขาดก็แต่ความหวาน บอกไว้ก่อนเลยว่าเราจะไม่ได้เห็นฉากเลิฟซีนในละครเรื่องนี้แน่นอน
การดำเนินเรื่องดูธรรมดาและราบเรียบมากจริงๆ แต่อารมณ์และบทบาทของนักแสดงที่ถ่ายทอดออกมาให้คนดูได้รู้สึกนั้น มันเต็มอิ่มไปด้วยความจริงใจต่อการใช้ชีวิตมากๆ ซึ่งจุดนี้แหละน่าจะทำให้คนดูได้แรงบัลดาลใจในการใช้ชีวิตขึ้นไม่มากก็น้อยล่ะนะ แล้วกว่าอาจารย์จะมีชื่อเสียงจนเป็นที่ยอมรับก็อายุสี่สิบกว่าๆ แล้วล่ะขอรับ
มีหลายฉากที่ครอบครัวนี้เค้าทำเอาหมายเลขสิบเก้าอมยิ้มได้ง่ายๆ อย่างเช่นฉากที่ไม่มีกะตังค์จะซื้อตุ๊กตาฮินะให้ลูกสาวฉลองงานเทศกาลกาลตุ๊กตา อาจารย์ก็วาดขึ้นมาเองแบบครบเซทเลย ดูอบอุ่นมากจริงๆ และยังมีฉากที่ภรรยาของอาจารย์ทำเกี๊ยวซ่าที่มีแต่ผักเยอะกว่าหมูเพื่อเพิ่มพลังให้กับอาจารย์ในการทำงานอีก หลายๆ เรื่องที่ครอบครัวจะต้องคอยสนับสนุน เชื่อใจ และต้องพูดคุยกันเมื่อมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน เป็นตัวอย่างที่ดีกับคนดูเป็นอย่างมาก ชีวิตจริงอาจจะไม่เหมือนในละคร แต่ละครก็สร้างมากจากชีวิตจริงล่ะนะ
ส่วนผลงานของอาจารย์นั้นไม่ได้มีแค่ อสูรน้อยคิทาโร่ เรื่องเดียว ในเรื่องเราจะได้รู้ว่าอาจารย์มิซึกิมีผลงานเรื่องใดบ้าง รับรองว่าเป็นละครญี่ปุ่นที่น่าดูเรื่องหนึ่งมากๆ
ส่งท้ายด้วยภาพ เมือง Sakaiminato จังหวัด Tottori บ้านเกิดของอาจารย์ Mizuki Shigeru มีถนนที่ถูกเนรมิตให้รายล้อมไปด้วยภูตผีซึ่งอยู่ในมังงะของอาจารย์เต็มไปหมด เลยขอรับ!!
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– ละครญี่ปุ่น
– Super Sentai ขบวนการห้าสี
– ต้นแบบของ Kamen Rider ยุค Heisei
– รีวิวภาพยนตร์มาสค์ไรเดอร์ รวมพลังผ่ามิติกู้โลก (Let’S Go KAMEN RIDERS)
– คู่กรรม…แบบญี่ปุ่น
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
www.sakaiminato.net
upload.wikimedia.org
#gegege no nyobo