กลับมาอีกครั้ง Doctor X ซีรีส์หมอชื่อดัง ที่เดินทางมาถึงภาคที่ 6 แล้ว! ถือว่าเป็นละครที่มีภาคต่อที่ยาวมากๆ แม้พล็อตอาจจะไม่เปลี่ยนไปมาก แต่รายละเอียดในแต่ละตอน ทำให้รู้สึกว่า เราได้ดูอะไรใหม่ๆ ในละครเก่าที่เราคุ้นเคย
“นี่คือเรื่องราวของแพทย์หญิงที่เปรียบเสมือนหมาป่าเดียวดาย…เช่นผู้หญิงคนนี้ ผู้ชิงชังอำนาจ กฎข้อบังคับในองค์กร และการเฮโลตามๆ กันไป อาวุธฉายเดี่ยวของเธอคือใบประกอบวิชาชีพและทักษะที่มี ศัลแพทย์ไดมอน มิจิโกะ หรือที่รู้จักกันในนาม…ดอกเตอร์เอ็กซ์!”
กลับมาอีกครั้ง Doctor X ซีรีส์หมอชื่อดัง ที่เดินทางมาถึงภาคที่ 6 แล้ว! ถือว่าเป็นละครที่มีภาคต่อที่ยาวมากๆ แม้พล็อตอาจจะไม่เปลี่ยนไปมาก แต่รายละเอียดในแต่ละตอน ทำให้รู้สึกว่า เราได้ดูอะไรใหม่ๆ ในละครเก่าที่เราคุ้นเคย และภาคนี้ก็ทำออกมาได้ดี ฝีมือไม่ตก เพราะถึงกับคว้าละเรตติ้งสูงสุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมากเลยทีเดียว
วันนี้เลยขอมารีวิว Doctor X เรื่องราวของศัลแพทย์ฟรีแลนซ์ “ไดมอน มิจิโกะ” ผู้ไม่เคยพลาดค่ะ จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามมาอ่านกันได้เลย!
เรื่องย่อ
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโทเทย์กำลังประสบปัญหาเรื่องเงินอย่างหนัก ถ้าไม่รีบแก้ไข อาจทำให้ต้องล้มสลายได้ ด้วยเหตุนี้ผอ.โรงพยาบาล “ฮิรุมะ” (รับบทโดย โทชิยูกิ นิชิดะ) เลยไปจ้างนักกอบกู้ธุรกิจมากฝีมืออย่าง “นิโคลัส ทังเงะ” (รับบทโดย มาซาจิกะ อิจิมูระ) มาช่วย แผนการแรกที่จะปฏิรูปโรงพยาบาลคือ ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ปรับเปลี่ยนหัวหน้าทีมเป็นหมอที่มีศักยภาพ และแน่นอนว่า เพื่อให้โรงพยาบาลมีชื่อเสียงในด้านการรักษา ก็ต้องมีแพทย์มากฝีมือที่รักษาคนไข้แล้วหายดีกลับบ้านไปได้ทุกราย ซึ่งคนที่ทำแบบนั้นได้ก็คือ…
ศัลยแพทย์ฟรีแลนซ์ “ไดมอน มิจิโกะ” (รับบทโดย เรียวโกะ โยโนะคุระ) หมอผ่าตัดที่ไม่เคยพลาด ท่ามกลางการตัดงมที่ห่ำหั่น แต่นิโคลัสกลับต้องจ่ายค่าจ้างมหาศาลเพื่อซื้อตัวไดมอนมาช่วยร่วมกู้โรงพยาบาลแห่งนี้ แต่…เรื่องราวไม่ได้ราบรื่นเสียทีเดียว เพราะการมาของนิโคลัส ไม่ได้มาด้วยความใสสะอาดอย่างที่เข้าใจ โรงพยาบาลโทเทย์กำลังอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ไม่ต่างจากคนไข้ในห้องไอซียูเลย โรงพยาบาลยิ่งใหญ่แห่งนี้จะอยู่รอดได้หรือไม่ แล้วมิจิโกะจะใช้ชีวิตอย่างไรท่ามกลางการเมืองในโรงพยาบาล จะยังรักษา “ความไม่เคยพลาด” ไว้ได้อยู่หรือเปล่า ต้องติดตามค่ะ
“ฉันไม่เคยพลาด” ประโยคสุดขลัง
พูดถึงเรื่อง Doctor X ซึ่งที่คนดูจำได้ และเฝ้ารอดูเลยก็น่าจะเป็นฉากที่มิจิโกะหันมาพูดด้วยสายตามั่นๆ ว่า “ฉันไม่เคยพลาด” แน่นอนว่าสำหรับภาคนี้คุณก็จะไม่พลาดที่จะได้ยินประโยคนี้อย่างแน่นอน แต่ความพิเศษของมันคือ พอดูๆ แล้ว ประโยคที่ว่า “ฉันไม่เคยพลาด” เป็นประโยคที่ดูขลังขึ้นมากค่ะ ภาคแรกๆ เราอาจจะรู้สึกว่า เจ๊ขี้โม้จัง แต่ด้วยการเดินทางมาถึงภาคที่ 6 ที่หมอมิจิโกะผ่านเคสผ่าตัดมามากมาย และยิ่งเคสในภาคล่าสุดนี้ก็ไม่ธรรมดาเลย มันยิ่งตอกย้ำถึงความสามารถของเธอค่ะว่า เธอ “ไม่เคยพลาด” เลยจริงๆ
ความผูกพันที่มีมานานระหว่างตัวละครและคนดู
พอเปิดฉากแรกมา ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้กลับมาหาคนที่คุ้นเคยอีกครั้งหนึ่ง พล็อตมันก็ออกจะเดิมๆ ค่ะ ที่ไปเจอหมอมิจิโกะในดินแดนไกลโพ้น เหมือนกำลังท่องเที่ยงพักผ่อนอยู่ และแล้วก็ไปพบกับคนคนหนึ่ง (ในภาคนี้ก็จะเป็นนักลงทุนที่ชื่อว่านิโคลัสค่ะ) ซึ่งภายหลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตมิจิโกะ และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโทเทย์แน่นอน และเรื่องดำเนินไปสักพักก็จะมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นกับคนที่มิจิโกะไปพบเจอ แล้วหมอเก่าๆ ที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็จะโผล่ออกมา เจ๊มิจิโกะก็จะรับเคสผ่าตัดเอง สร้างความประทับใจ บวกกับในทางโรงพยาบาลก็จะเกิดปัญหาเรื่องภายในองค์กร ทำให้ตัวละครทุกคนมาป๊ะกันอย่างไม่ได้นัดหมาย แล้วก็เข้าสู่ฉากขนบการว่าจ้างหมอมิจิโกะ ที่มีสัญญาเงื่อนไขว่า ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ใช้ใบประกอบวิชาชีพ “ฉันไม่ทำ” ผ่าตัดๆ จนสำเร็จแบบเมพขิงๆ แล้วก็ตามมาด้วยลุงเมลอนมาเรียกเก็บเงินในราคาที่เห็นแล้วถึงกับต้องเป็นลมล้มพับไปเลย อาจจะดูเดิมๆ แต่เราว่ามันอาจเป็นอะไรที่ผู้สร้างละครตั้งใจ เพราะพอเห็นฉากเหล่านี้ทีไรก็รู้สึกคิดถึง และรู้สึกเหมือนมันเป็นมุกอย่างหนึ่ง ที่แบบมาอีกแล้วจ้า… โมเม้นต์นี้ และดูเหมือนว่าตัวละครจะรักกันมากขึ้น ยอมรับมิจิโกะมากขึ้น แม้จะยังคงทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ ก็เถอะ…
อ่านจนจำได้….
แม้จะมีขนบพล็อตเดิมๆ โผล่มาบ้าง แต่ก็มีความต่างที่ชวนให้น่าติดตามดูต่อยาวๆ จนจบรวดเดียวเลยก็คือ เคสผ่าตัดแต่ละตอนมีความน่าสนใจมากค่ะ ตื่นเต้นท้าทาย แถมยังมีเรื่องการเมืองในองค์กรแบบเฉือดเฉือน ไม่รู้ว่าชัยชนะจะตกไปที่ใครเลยจริงๆ
ความท้าทายใหม่ ระหว่างแพทย์ไม่เคยพลาด กับ AI สุดฉลาด
ภาคใหม่มาพร้อมกับความท้าทายใหม่ในวงการแพทย์ เมื่อ “นิโคลัส” นักลงทุนมือฉมัง ที่จะมากอบกู้โรงพยาบาล ได้ใช้กลยุทธ์ซื้อเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง AI มาวินิจฉัยโรคให้คนไข้ และยังสามารถช่วยแนะนำแพทย์ในระหว่างผ่าตัดได้อีกด้วยว่าควรผ่าตัดด้วยวิธีไหน แต่ต้องขอบอกเลยว่า มิจิโกะไม่ค่อยจะถูกชะตากับ AI นี้สักเท่าไหร่หรอกนะ เพราะเธอเชื่อมั่นว่า ยังไงเธอก็มีฝีมือมากกว่า และบางเคส AI ก็อาจจะยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ อาจจะวินิจฉัยผิดก็ได้ มิจิโกะเองเลยพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่า ยังไงซะ ก็ยังไม่มีอะไรมาแทนที่แพทย์ตัวเป็นๆ ได้หรอก โดยเฉพาะสิ่งที่เหนือกว่าศัลยแพทย์ฟรีแลนซ์ “ไดมอน มิจิโกะ” ที่อะไรก็ล้มเธอไม่ได้

มองบน…
ทำในสิ่งที่รัก ไปให้สุดในสิ่งที่ถนัด
ดูมาจนถึงภาคที่ 6 แล้ว สิ่งหนึ่งที่พบระหว่างนั่งดูก็คือ การมีความสุขทุกวันไปกับงานที่เรารัก และการทุ่มเทแรงกายและแรงใจในสิ่งที่เรารักและเราถนัดไปให้สุด อย่างเช่น หมอมิจิโกะ เราจะเห็นว่าเธอจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากการผ่าตัด แถมยังมีงานอดิเรกเป็นงานผ่าตัดเอง มันอาจจะดูเวอร์ไปหน่อย ที่เจอเคสอะไรก็รักษาได้หมด ผ่าตัดทีไรก็ไม่เคยพลาด แต่เรื่องราวของภาคนี้ก็จะค่อยๆ ทำให้เห็นว่า บางทีมันอาจไม่ใช่พรสวรรค์ หรือปาฏิหาริย์อะไร แต่มันคือผลของความตั้งใจและความพยายามรับครั้งไม่ถ้วนของมิจิโกะ
แม้เธอจะไม่มีตำแหน่งสูงๆ นำหน้า ใครๆ อาจมองว่าเธอเป็นหมอพาร์ทไทม์ แต่หมอพาร์ทไทม์คนนี้นี่แหละที่รอบรู้กว่าใคร และพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้คนให้มีชีวิตอยู่ต่อไป หลายคนอาจจะสงสัยว่าอะไรที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จและมีความสุข จะเป็นตำแหน่ง ความรอบรู้รอบ การยอมรับในสังคม หรือค่าตอบแทนหรือเปล่า หมอมิจิโกะทำให้เห็นว่า บางทีมันอาจไม่ใช่สิ่งภายนอกพวกนั้นหรอก แต่มันคือการที่เราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ อาชีพที่เรารัก และมุ่งมั่งสิ่งที่ถนัดไปให้สุด ให้เป็น Specialist ในด้านนั้นๆ ไปเลย พอเรามีความสามารถมากพอ เราจะมีชีวิตที่ต้องการ ได้ทำงานที่รัก มีอิสระ รายได้มหาศาลก็จะตามมา ให้สมกับฝีมือที่เยี่ยมอย่างไร้ที่ติ แต่…หมอมิจิโกะน่าสงสารอยู่อย่างหนึ่ง เงินที่ได้ อยู่ที่ลุงเมลอนซะอย่างนั้น…
ทำงานเพื่อตัวเองและช่วยคนอื่น
หากใครไม่รู้จักหมอไดมอน มิจิโกะดีพอก็จะมองว่าเธอนิสัยเสีย พูดจาโผงผาง ไม่เข้าสังคม ต่อต้านองค์กร ผ่าตัดอย่างเดียวและรับเงินไป แต่การที่เราได้รู้จักหมอมิจิโกะมา 6 ภาค ทำให้เราได้รู้จักหมอคนนี้มากขึ้นว่า ทุกสิ่งที่เธอทำก็อาจจริงที่ทำเพื่อตัวเธอเอง ผ่าตัดเพราะความชอบของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้ใช้ความชอบ ความสามารถที่มีนี้แหละในการช่วยเหลือคนอื่น ผู้หญิงที่มาพร้อม Attitude to do ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันจะทำให้ได้ “ฉันไม่เคยพลาด” อาจไม่ใช่ประโยคที่เย่อหยิ่ง แต่อาจเป็นประโยคที่มิจิโกะอยากจะบอกว่า ฉันพลาดไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องช่วยชีวิตคนไข้ที่อยู่ตรงหน้าให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ซีรีส์ญี่ปุ่นชื่อดัง Doctor X ที่เดินทางยาวนานมาจนถึงภาคที่ 6 แล้ว ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่กลับมีให้อะไรให้น่าติดตามมากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะออกมาภาคไหนก็ดูเหมือนว่าได้รับความนิมยมอย่างถล่มทลาย อย่างเช่นภาคล่าสุดนี้เช่นกัน ที่ “ไม่เคยพลาด”
ใครสนใจอยากดูซีรีส์เรื่องนี้ สามารถดูได้ทาง Netflix มีให้ชมตั้งภาคที่ 1-6 กันแบบจุใจไปเลยค่า
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– 5 นางเอกจากละครญี่ปุ่นสุดเทพ ทำอะไรก็เป๊ะไปหมด
– ย้อนอดีตไปหารักกับ Proposal Daisakusenา
– Black Leather Notebook: บันทึกสีดำของผู้หญิงสีเทา
– ARASHI’s Diary -Voyage- บันทึกแห่งเส้นทางกว่า 20 ปี
– 5 ซีรีส์ที่น่าดูใน Netflix ดูยาวๆ แบบเพลินๆ ช่วงปีใหม่นี้
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
– asianwiki.com
– ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Doctor X Season 6 ทาง Netflix
#Doctor X