Legal V ซีรีส์แนวทนายที่น่าติดตาม โดยในเรื่องนี้จะเป็นมุมของทนายความที่เป็นผู้หญิง แถมมาพร้อมกับอุปสรรคอย่างใหญ่คือ ทนายสาวคนนี้ถูกแบนออกจากวงการกฎหมาย
หากใครเคยดู Legal High มาแล้ว เรื่อง Legal V ก็เป็นอีกเรื่องที่ห้ามพลาดค่ะ
Legal V เป็นซีรีส์แนวทนายที่น่าติดตาม โดยในเรื่องนี้จะเป็นมุมของทนายความที่เป็นผู้หญิงแทน แถมมาพร้อมกับอุปสรรคอย่างใหญ่คือ ทนายสาวคนนี้ถูกแบนออกจากวงการกฎหมาย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอยากใช้ความสามารถที่มีช่วยเหลือคน (มีเงิน) ให้รอดพ้นจากความพ้น และเรียกร้องความบริสุทธิ์คืน!
Legal V สำนักทนายความจากหญิงสาวที่ไร้ตั๋วทนาย
สำหรับละครเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ “โชโกะ ทาคานาชิ” (รับบทโดย เรียวโกะ โยเนะกุระ) อดีตทนายความสาวจากสำนักกฎหมายใหญ่ระดับประเทศ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นทำให้เธอต้องออกจากบริษัท และถูกยึดใบอนุญาตทนายความไป ทำให้เธอกลายเป็นหญิงสาวที่ไร้ตั๋วทนาย ไม่สามารถว่าความให้ใครได้อีกต่อไป
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ด้วยการสร้างสำนักงานกฎหมายใหม่ขึ้นมา โดยรวมสมาชิกระดับไม่ใช่หัวกะทิ เช่น อดีตอาจารย์สอนวิชานิติศาสตร์ แต่ไม่เคยว่าความเลยสักครั้ง และเขาคนนี้ถูกทาบทามให้รับหน้าเป็นเจ้าของสำนักงานกฎหมาย เพราะดูน่าเชื่อถือและมีพร้อมทุกอย่าง
ต่อไปก็เป็นทนายความมือใหม่ ที่เพิ่งว่าคดีความแพ้ เสมียนประจำออฟฟิศ ที่เคยผ่านคดียักยอกเงินธนาคารที่เธอเคยทำงาน ผู้ช่วยทนายความที่เคยติดคุกเพราะเป็นสตอล์กเกอร์ตามผู้หญิง และผู้ช่วยดูแลออฟฟิศที่อดีตเคยเป็นโฮสต์มาก่อน และ “โชโกะ ทาคานาชิ” หญิงสาวที่มีฝีมือในการว่าความ แต่ตอนนี้เป็นได้แค่ “ผู้ดูแล” ออกว่าความ ขึ้นศาลอะไรไม่ได้ แต่ก็มีวิธีที่จะทำให้สำนักงานกฎหมายนี้ขับเคลื่อนไปสู่จุดสูงสุด เอาชนะคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่กว่าได้ ด้วยประสบการณ์ และไหวพริบของเธอ…
สิ่งที่น่าสนใจ ทีทำให้ดูจนติด
1. ทำได้ไง ไร้ตั๋วทนายแต่ยังว่าความได้
แม้เรื่องนี้จะไม่ดุเดือดเท่ากับ Legal High (ดิฉันว่าคามิคาโดะเซนเซย์นี่คงคือที่สุดแล้ว…) แต่ก็จะมีฉากที่ว่าความกันอย่างถึงพรึกถึงขิง ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นในเรื่องที่ทำให้ละครมีอรรถรสมากขึ้น เข้าถึงบรรยากาศการว่าความที่เสมือนจริง และความพิเศษของเรื่องนี้เห็นทีจะเป็นปมอย่างตัวละครเอกอย่าง “โชโกะ ทานาชิ” ที่เปิดเรื่องมาก็บอกว่า ไม่มีใบอนุญาตนะ ก็ทำให้รู้สึกว่า อ้าว…แล้วจะว่าความกันยังไง
เริ่มต้นมาก็ไม่สวยแล้ว แต่สิ่งที่ละครพลิกขึ้นมาคือ สามารถทำให้โชโกะกลับมาสังเวียนวงการกฎหมายได้อีกครั้ง และได้โชว์ความเทพ ความเหนือ ให้ขนลุกขนพองกันเลยทีเดียว วิธีการของเธอก็คือคอยเป็นเบื้องหลัง ให้คำปรึกษา ชอบสืบความจริง และใช้คนที่ทำงานได้เปิดฟลอร์แทน บางทีก็สวมบทเป็นพยานแทน ต่อให้ไม่มีตั๋วทนายความ โชโกะก็สามารถพาทีมไปให้ถึงชัยชนะ และช่วยเหลือลูกความได้อย่างหวุดหวิด
2. การรวมทีมจากคนบ๊วยที่เจ๋งที่สุด
อีกหนึ่งจุดเด่นของเรื่องนี้คือ ทีมของตัวละครเอกค่ะ ปกติเราก็คงจะเห็นว่าพวกทีมเก่งๆ ก็น่าจะรวมตัวคนเก่งๆ มาไว้ด้วยกัน แต่สำหรับทีมของโชโกะแล้วแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนที่อยู่ในทีมไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แม้อาจารย์เดคียวโชกุ หรืออดีตอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่ดูมีความรู้ด้านกฎหมายเยอะสุด แต่ก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่เหมือนกันคือ ยังไม่เคยลงสนามว่าความจริงแล้วสักครั้ง เท่ากับว่ายังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้
ส่วนคนที่เป็นทนายว่าความได้จริงๆ ก็ยังเป็นมือใหม่ ที่มีโอกาสแพ้สูงมาก ส่วนผู้ช่วยคนอื่นๆ ในทีมต่างก็เคยผ่านคดีความมาแล้วทั้งนั้น แต่ถึงอย่างนั้นโชโกะก็เชื่อใจ และดูเหมือนว่าคนที่เธอเลือก จะมีบางมุมที่ช่วยสำนักกฎหมายนี้ได้มากโขอยู่เช่นกัน อย่างเช่น “บาบะ” อดีตผู้ต้องหาคดีสตอล์กเกอร์ ก็กลับใช้ทักษะนี้ในการติดตามฝ่ายตรงข้ามจนได้เบาะแสดีๆ มาให้เพี้ยบ!
3. คดีความเกือบทั้งหมด มีแนวโน้มที่จะแพ้ถึง 99.9%
สิ่งที่มาทำให้ละครเรื่องนี้มันลุ้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ก็น่าจะเป็นคอนเซ็ปต์ของคดีที่โชโกะเลือกมานี่แหละค่ะ (ช่างเป็นผู้ดูแลที่มีอิทธิพลจริงๆ) ส่วนใหญ่แล้วเป็นคดีที่ดูแวบแรกก็น่าจะแพ้แน่นอน โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงถึง 99.9% แต่ที่รับไว้ เหตุผลมีสองแบบ ถ้าแบบออกสื่อคือ เพื่อช่วยเหลือคนที่กำลังลำบาก ถ้าแบบโลกไม่สวยคือ เพื่อ “เงิน”! (ฮ่าๆๆๆๆ) งานนี้จะช่วยลูกความได้แค่ไหนก็ต้องติดตามในละครกันเลยค่ะ
4. Doctor X ที่เปลี่ยนบทมาเป็นทนายกับเขาบ้าง
พอดูเรื่องนี้แล้ว ขอบอกว่าลบภาพ “เรียวโกะ” ในบท “ไดมอน มิจิโกะ” ในเรื่อง Doctor X ได้ยากจริงๆ อาจจะเพราะว่าดูซีรีส์เรื่องนั้นมาหลายภาพมาก จนเกิดภาพจำว่า เรียวโกะคือหมอไดมอน และพอมาเรื่องนี้คาแร็กเตอร์ก็ยังมีความคล้ายๆ กันอีก ชอบแต่งตัวนุ่งสั้น บุคลิกมั่นๆ พูดจาโผงผาง แถมมีความเทพ เหมือนเป็นละครที่พาหมอไดมอนมาเป็นฟีลจากหมอมาเป็นทนายความลองดูบ้างยังไงยังงั้น
ที่พีคคือ มี “หมอคาจิ” คู่ปรับจาก Doctor X ตามมาด้วยค่ะ! ในเรื่องนี้รับบทเป็นอดีตอัยการคนสนิมของอาจารย์เคียวโกคุ แถมยังตามมาเป็นคู่จิกคู่กัดกันแบบเดิมเลย หรือนี้จะเป็นภารกิจพิเศษของหมอไดมอนกับหมอคาจิกันนะ!
แต่เจ๊มีใบประกอบโรคศิลป์นะ…
5. ข้อคิดละครที่น่าเอามาครุ่นคิด
แน่นอนค่ะว่าสิ่งที่ละครญี่ปุ่นทุกเรื่องต้องมีก็คือเรื่อง “ข้อคิด” นั่นเอง สำหรับเรื่องนี้ อาจจะเห็นว่าโชโกะดูเป็นทนายที่ทำเพื่อเงิน (ซึ่งคล้ายๆ คามิคาโดะเซนเซย์ จากเรื่อง Legal High) แต่ตัวละครนี้กลับมีความซับซ้อนมากกว่าที่คิด ใจหนึ่งก็อยากได้ค่าตอบแทนจริง แต่อีกใจก็อยากจะช่วยเหลือผู้คนจริงๆ และในเรื่องเธอต้องต่อกรกับอดีตคู่ปรับในสำนักงานกฎหมายยักษ์ใหญ่ที่เธอเคยทำงานให้
แม้ตอนนี้โชโกะจะไม่ได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของคนที่มีอำนาจ แต่เธอก็ใช้ความสามารถที่มีเพื่อช่วยลูกความให้ได้ ซึ่งทนายคนนี้อาจไม่ได้เก่งกาจขนาดว่า “ไม่เคยว่าความแพ้เลยสักครั้ง” แต่ “แพ้” และ “ชนะ” ในชั้นศาลคืออะไร บางเคสเราก็ต้องเรียกร้องความบริสุทธิ์ให้ลูกความ มันเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเลย ที่คนคนนึงต้องถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิด
นอกจากนี้ บางกรณีดูเหมือน “แพ้” หรือ “ชนะ” ไม่ได้สำคัญแค่ในชั้นศาล แต่อยู่ที่โลกความเป็นความจริง ว่าความชนะ แต่ชีวิตจริงของเขาได้เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริงหรือเปล่า ซึ่งสำคัญยิ่งกว่าคือ เราได้เรียกร้องความยุติธรรมกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน ส่งผลต่อชีวิตลูกความอย่างไร และได้ทำสิ่งที่ถูกต้องได้อย่างดีพอแล้วหรือยัง…แต่ก็นั่นแหละค่ะ อะไรกันแน่คือสิ่งที่ถูกต้อง… ละครเรื่องนี้จะมาเผยคำตอบที่น่าสงสัยนี้ค่ะ
ใครสนใจอยากดูซีรีส์แนวกฎหมาย ผสมความสืบสวนสอบสวน คดีความน่าติดตาม พร้อมได้ข้อคิดในชีวิตต้องห้ามพลาดเรื่องนี้เลยค่ะ Legal V ซีรีส์แนวทนายความที่ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถติดตามดูได้ที่ Netflix และ Viu ได้เลย
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– 5 ซีรีส์วัยเรียนชื่อดังในวันวาน ที่ตอนนี้นักแสดงโตเป็นหนุ่ม-สาวแล้ว
– ย้อนรอย Kekkon Dekinai Otoko หนุ่มโสดสนิท ชีวิตนี้ขอไม่แต่งงาน
– Just Only Love ความรักที่ไม่จำเป็นต้อง Move on
– The Show must go on การปรับตัวธุรกิจทีวีญี่ปุ่นกับ COVID-19
– 5 ละครญี่ปุ่นที่มีเรตติ้งสูงสุดในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
– ละครญี่ปุ่นเรื่อง Legal V
– asianwiki.com
– www.crank-in.net
– realsound.jp
– videoondemand.jp
– www.tv-asahi.co.jp
#รีวิว Legal V