Last Letter เรื่องราวความรักที่อบอุ่นและอบอวนไปด้วยเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา พล็อตเรื่องเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ลองมาเปิดอ่านจดหมายฉบับสุดท้ายไปด้วยกันค่ะ
ผู้กำกับอิวาอิ ชุนจิ ที่เคยฝากผลงานภาพยนตร์แนวรักสุดซึ้งอย่าง Love Letter ที่ตราตรึงหัวใจใครหลายคน และล่าสุด เขาได้กลับมาถ่ายทอดฝีมืออีกครั้งกับภาพยนตร์เรื่อง Last Letter เรื่องราวความรักที่อบอุ่นและอบอวนไปด้วยเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา พล็อตเรื่องเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ลองมาเปิดอ่านจดหมายฉบับสุดท้ายไปด้วยกันค่ะ
Last Letter เรื่องราวความรักผ่านจดหมายรัก
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ เริ่มต้นด้วยการเล่าถึง “ยูริ คิชิเบะโนะ” (รับบทโดย ทาคาโกะ มัตสึ) แม่บ้านลูกสองวัย 20 ปี ที่มางานศพ “มิซากิ โทโนะ” พี่สาวแท้ๆ ของเธอ ที่ได้จากโลกนี้ไปในวัย 40 กว่าๆ เท่านั้น และได้พบกับ “อายูมิ” (รับบทโดย ซูซุ ฮิโรเสะ) ลูกสาวของมิซากิ หรือหลานสาวของเธอนั่นเอง มิซากิได้วาง “จดหมายฉบับสุดท้าย” ไว้เป็นของต่างหน้าให้กับลูกสาวของเธอ แต่อายูมิกลับไม่กล้าเปิดอ่าน และเรื่องราวต่างๆ ก็ได้เริ่มต้นจากจดหมายปริศนาฉบับนั้น
เมื่อยูริทราบข่าวการจากไปของพี่สาวของเธอ เธอจึงอาสาไปบอกข่าวร้ายนี้ในกับเพื่อนๆ ของพี่สาวในงานเลี้ยงรุ่น แต่กลายเป็นว่า ทุกคนดันเข้าผิดไปว่า “ยูริ” คือ “มิซากิ” ทำให้วันนั้นเธอต้องสวมบทเป็นพี่สาวผู้ล่วงลับอย่างเลี่ยงไม่ได้ และวันนั้นเองเธอก็ได้พบกับ “เคียวชิโระ โอโตะซากะ” (วัยผู้ใหญ่ รับบทโดย มาซาฮารุ ฟุคุยาม่า / วัยเด็ก รับบทโดย เรียวโนะสุเกะ คามิกิ) ผู้ชายที่เป็นรักแรกของเธอ ก่อนกลับบ้านทั้งคู่ก็ได้คุยกัน และมีการแลกเบอร์ติดต่อพร้อมที่อยู่ และเรื่องราวอิรุงตุงนังก็ได้เกิดขึ้น
ไม่ใช่แค่ว่าโอโตะซากะเข้าใจผิดว่าเธอเป็นมิซากิ แต่เธอเองก็แต่งงานมีลูกไปเรียบร้อยแล้ว แถมเรื่องราวก็ดูยังไม่จบแค่นั้น ทั้งคู่ได้ติดต่อพูดคุยกันหลังจากงานเลี้ยงรุ่น และแฟนของยูริก็ดันจับได้ และโยนโทรศัพท์ทิ้งเพื่อไม่ให้ทั้งคู่ติดต่อกันอีก ยูริเลยตัดสินใจติดต่อหาโอโตะซากะผ่านทางจดหมาย
วันหนึ่งยูริได้ให้ที่อยู่บ้านของมิซากิในปัจจุบันไป ทำให้ “อายูมิ” ลูกสาวของมิซากิ และ “ฟูกะ” (รับบทโดย นานะ โมริ) ลูกสาวของเธอได้มีโอกาสสวมรอยแทน “มิซากิ” ส่งจดหมายไปหา “โอโตะซากะ” เรื่องราวความรักวุ่นๆ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางการเปิดเผยเรื่องราวความรักอันแสนลึกซึ้งในวัยเยาว์ ที่วันนี้ได้กลับมาผลิบานอีกครั้ง…
“ถ้ายังบอกว่ารักเธอ จะยังเชื่ออยู่หรือเปล่า”
นี่เป็นประโยคหนึ่งในจดหมาย ที่โอโตซากะเขียนถึงมิซากิ แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานหลายสิบปี แต่ดูเหมือนว่า “มิซากิ” ซึ่งเป็นรักแรกของเขาก็ไม่อาจหายไปจากความทรงจำของเขาได้เลย ความรักที่เขามีให้เธอนั้นมันมากล้น จนเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเป็นนักเขียนนวนิยาย โดยทั้งเล่มนั้นล้วนเป็นเรื่องราวของมิซากิ และถ้าให้ย้อนเวลากลับไปในวัยหนุ่มสาว ครั้งแรกที่เขาได้เจอกับมิซากิ และตกหลุมรักทันทีในยามแรกพบ เขาเลยค้นหาวิธีที่จะสานสัมพันธ์ต่อ และแล้ว “ยูริ” น้องสาวของมิซากิ ก็ได้เสนอให้ลองเขียนจดหมายดูสิ ส่วนเธอจะทำหน้าที่เป็นบุรุษไปรษณีย์ส่งจดหมายรักนี้ให้พี่ของเธอเอง
แต่ดูเหมือนว่า…มิซากิ ไม่เคยรับรู้ถึงจดหมายรักฉบับนั้น ในวันนี้เขาก็ได้พบเจอกับมิซากิ (ที่ยูริสวมรอย) อีกครั้ง ด้วยสถานการณ์ที่พาไป ทำให้เขาต้องเขียนจดหมายหาเธอ ราวกับเหตุการณ์ในวัยเยาว์ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่ความจริงที่ต่างออกไปในตอนนี้คือ “มิซากิ” ไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ด้วยชีวิตรักที่แสนเจ็บปวด ทำให้เธอตัดสินใจทำให้ตัวเองหายไปตลอดกาล
ทำให้กลายเป็นว่า คนที่ตอบโต้จดหมายอยู่นั้นก็คือ “ยูริ” น้องสาวของมิซากิ หรือหญิงสาวที่เคยรักโอโตซากะอย่างสุดหัวใจ แม้ว่าเธอจะแต่งงานแล้วในตอนนี้ แต่ความรักในวัยเยาว์ที่งดงามเช่นนั้น ก็ยากที่จะลืมเลือน ยูริได้สวมรอยเป็นมิซากิ แต่หารู้ไม่ว่า โอโตซากะรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว
แม้วันนี้มิซากิจะไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว แต่ทั้งยูริและโอโตซากะก็ยังอยากให้เธอมีชีวิตต่อไป และนั่นเป็นเหตุผลให้ยูริตัดสินใจเขียนจดหมายขึ้นมาอีกครั้ง ทำเหมือนกับว่า มิซากิและเรื่องราวของหญิงสาวยังคงมี “ชีวิตอยู่” และแน่นอนว่า ยูริก็ได้พบคำตอบที่แน่ชัดว่า วันนี้เธอก็ยังรักโอโตซากะที่เป็นรักแรก ส่วนโอโตซากะก็ยังรักมิซากิที่เป็นรักแรกอย่างไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน… แต่ชีวิตในตอนนี้ของทุกคนได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง อดีตที่ไม่อาจครอบครองได้อีกต่อไป
แต่แค่เพียงมีใครยังนึกถึงเขา ก็เหมือนกับว่าคนๆ นั้นยังอยู่เคียงข้างเราเสมอ
อดีตที่หอมหวาน ผลักดันให้เดินหน้าอย่างมีพลัง
เนื้อหาในจดหมายล้วนทำให้ทั้งยูริและโอโตซากะนึกถึงชีวิตในวัยเยาว์อีกครั้ง แม้ว่ารักนั้นจะไม่สมหวัง ไม่ได้หวือหวา ต่างคนต่างมีเส้นทางของชีวิตตัวเอง แต่เรื่องราวเหล่านั้นก็ยากที่จะลืมเลือน แต่ทั้งคู่รู้ดีว่า อดีตเหล่านั้นไม่อาจหวนคืนมาได้ แต่ทุกคนที่พาตัวเดินทางกลับไป ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องอดีตผ่านจดหมาย หรือเดินกลับไปยังโรงเรียนสถานที่ที่ทุกคนได้พบกัน ล้วนทำให้ความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นกลับมาอีกครั้ง จนเป็นพลังที่อยากให้ก้าวเดินต่อไป
เรื่องราวทั้งหมดทั้งในอดีตและปัจจุบัน ได้เล่าสลับไปสลับมาผ่านจดหมายที่เขียนถึงกัน ที่อาจจะดูซับซ้อนไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการสื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครไว้อย่างดี บทสนทนานผ่านจดหมายระหว่าง “ยูริ” (น้องสาวของมิซากิ) และ “โอโตซากะ” และ “อายูมิ” (ลูกสาวของมิซากิ) และ “โอโตซากะ” ทำให้ได้เห็นภาพฉายของเรื่องราวในมุมของยูริ มิซากิ และโอโตซากะในวัยเยาว์ที่แสนลึกซึ้ง และความงดงามของความรักนั้นก็ได้ส่งถึงคนรุ่นลูกอย่างอายูมิที่นั่งรอรับจดหมาย และเธอก็เป็นคนเล่าเรื่องราวแทนแม่ของตัวเองในมุมที่โอโตซากะยังไม่เคยได้เข้าไปรู้จัก…
และจดหมายนั้นก็ได้นำพาให้โอโตซากะได้พบกับ “อายูมิ” ตัวจริง ลูกสาวของมิซากิที่แอบเขียนจดหมายโต้ตอบกับเขาในบางฉบับ และมาพร้อมกับความจริงอีกหนึ่งเรื่องคือ จดหมายที่เขาเคยส่งให้มิซากิในวัยเยาว์ ล้วนถูกเก็บไว้ในกล่องส่วนตัวของมิซากิทุกฉบับ ไม่ใช่ว่ามันไม่เคยเปิดอ่านแล้ว แต่มันเคยถูกเปิดอ่านหลายต่อหลายครั้งก่อนที่เธอจะจากไป
เท่ากับว่าจดหมายทุกฉบับต่างคนต่างได้เปิดอ่านหมดแล้ว เหลือเพียง Last Letter ที่ “มิซากิ” ได้ฝากไว้ให้กับ “อายูมิ” จดหมายฉบับสุดท้าย ที่กำลังรอให้คนสุดท้ายรับรู้เรื่องราวที่สวยงามเช่นนี้…
“อนาคตของพวกเรา มีความเป็นไปได้รออยู่ไม่สิ้นสุด”
จดหมายในอดีต ที่ไม่ได้บอกแค่เรื่องราวความรัก
แต่ทิ้ง Message ให้คนที่เปิดอ่าน อยากก้าวเดินต่อไปยังอนาคตอย่างมีพลัง
ด้วยความทรงจำที่สวยงาม ที่ไม่อาจลืมเลือนไปตลอดกาล
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– 5 ตัวละครซีรีส์ญี่ปุ่น กับทริคสับขาหลอก ชอบแกงตอนจบ
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่นเรตติ้งสูงสุด ประจำ Summer Season ที่ฝ่าวิกฤต COVID-19
4 ซีรีส์-ภาพยนตร์ญี่ปุ่น ทำเพื่อชาติแบบไม่ใช้ความรุนแรง
– Hanzawa Naoki บทสรุปของมนุษย์เงินเดือนที่จะเอาคืนเป็นสองเท่า!!!
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่นแนวคุณครู ที่ทุ่มทั้งชีวิตเพื่ออนาคตของลูกศิษย์
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก:
– ภาพยนตร์เรื่อง Last Letter ทาง Netflix
– https://asianwiki.com
– http://fukuokano.net
– https://last-letter-movie.jp
– https://pixiin.com
#รีวิว Last Letter จดหมายฉบับสุดท้ายของ Love Letter