ปาฏิหาริย์ร้านขายของชำนามิยะ (Namiya Zakkaten no Kiseki) มุมปรึกษาข้ามเวลา ที่นำพาให้เรามีชีวิตต่อไป
เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักหนังสือนวนิยายเรื่องนี้ดีค่ะ “ปาฏิหาริย์ร้านขายของชำนามิยะ” หรือชื่อภาษาญี่ปุ่น “Namiya Zakkaten no Kiseki” ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นนวนิยายที่ยอดเยี่ยมมาก
เรื่องนี้วางพล็อตเรื่องได้น่าสนใจ และทำให้เราได้เข้าใจความหมายของชีวิตมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้แต่งโดยนักเขียนชื่อดัง “ฮิงาชิโนะ เคโงะ” แค่ได้เห็นชื่อคนแต่งก็สัมผัสได้ถึงงานคุณภาพที่ซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษรในหนังสือเล่มนี้แล้ว และในเวลาต่อไปนวนิยายเล่มนี้ก็ถูกนำไปสร้างเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ ที่เรียกน้ำตาคนดูและความประทับใจมาไม่น้อย และเราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
วันนี้เลยขอมารีวิวเรื่องราวน่าสนใจ “ปาฏิหาริย์ร้านขายของชำนามิยะ” จะมีปาฏิหาริย์อะไรเกิดขึ้นบ้าง นามิยะเป็นใคร แล้วอะไรที่ทำให้ผู้คนต่างๆ มากมายล้วนแวะเวียนมาหาร้านขายของชำนามิยะ แล้วหลังจากนั้น ชีวิตของแต่ละคนค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง…
ปาฏิหาริย์ร้านขายของชำนามิยะ มุมปรึกษาข้ามเวลา จดหมายเชื่อมอดีตและอนาคต
เรื่องราวปาฏิหาริย์นี้ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2012 มีกลุ่มเด็กวัยรุ่น 3 คน ก่อเหตุลักทรัพย์ที่บ้านหลักหนึ่ง แล้วรีบวิ่งหลบหนีตำรวจมายังบ้านร้างแห่งหนึ่งที่เพื่อนในกลุ่มแนะนำมา ถ้าซ่อนในนี้คงไม่มีใครเห็นแน่นอน ทั้งสามคนเลยเดินเข้าไปข้างในบ้านหลังนั้น แต่ก็ต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาด มีจดหมายจากไหนไม่รู้หย่อนลงมาผ่านชัตเตอร์หน้าร้าน พอวิ่งออกไปดู ก็ไม่พบใคร
ทั้งสามได้อ่านเนื้อความในจดหมาย พบว่าเป็นจดหมายของผู้คนเมื่อ 32 ปีที่ผ่านมา จะเป็นไปได้อย่างไร ที่จดหมายในอดีตจะข้ามเวลาในยุคนี้ได้
ทั้งสามเลยค่อยๆ ค้นหาความจริงจากสิ่งของเครื่องใช้ที่หลงเหลือผ่านในบ้าน ก็พบว่า บ้านร้างแห่งนี้ เดิมที่เป็นร้านขายของชำของลุงคนหนึ่งที่ชื่อว่า “นามิยะ”
นอกจากจะขายของแล้ว จุดเด่นของร้านนี้ที่โด่งดังจนได้ออกข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ก็คือ มีมุมปรึกษาชาวบ้านละแวกนั้น โดยใครที่อยากได้รับคำปรึกษา ก็ให้เขียนจดหมายยื่นให้ที่ร้าน แล้วคุณลุงจะเขียนตอบจดหมายตอบ แล้วนำไปวางไว้ในที่สำหรับใส่กล่องนมข้างๆ ร้านในวันรุ่งขึ้น
เมื่อ 32 ปีต่อมา ลุงนามิยะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่เด็กหนุ่มสามคนในโลกปัจจุบันได้เข้ามายังร้านของคุณลุงโดยบังเอิญ และได้พบเห็นจดหมายประหลาด ที่ส่งมาจากอดีต ทั้งสามคนจึงตัดสินใจเป็นที่ปรึกษาให้คนเหล่านั้น ที่ทำให้มุมคิดต่อการใช้ชีวิตเริ่มเปลี่ยนแปลงไป จนนำไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ ที่พวกเข้าทั้งสามคนก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ชีวิตที่ต้องการใครสักคนรับฟังและเข้าใจ
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้เล่าเรื่องราวของชีวิตของแต่ละคนที่วนเวียนมาขอคำปรึกษาที่ร้านขายของชำนามิยะ ภาพยนตร์ได้เล่นสลับกัน ทั้งปัญหาที่ถูกส่งมาผ่านจดหมายทั้งในยุคที่นามิยะยังเป็นที่ปรึกษา กับยุคปัจจุบันที่เด็กหนุ่มสามคนเป็นที่ปรึกษา
แต่ละคนก็จะเจอปัญหาที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มที่มีความฝันเป็นนักดนตรี เลยลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาทำสิ่งที่รัก แต่ก็ดูเหมือนชีวิตนักดนตรีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะก้าวสู่ความสำเร็จ แล้วควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
แม่เลี้ยงเดี่ยว ที่กำลังตกที่นั่งลำบาก ทำงานอย่างหนัก เพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก กำลังตัดสินใจอย่างหนักว่า จะเอาอย่างไรกับเด็กในท้องดี
หรือเรื่องราวของหญิงสาวใจกตัญญู อยากหาเงินมาช่วยเหลือผู้มีพระคุณด้วยการไปเป็นสาวโฮสต์ในบาร์ และกำลังตัดสินใจจะเป็นเพื่อนภรรยาลับๆ กับลูกค้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของกิจการตามที่ลูกค้าคนนั้นได้ยื่นข้อเสนอให้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับลูกผู้หญิงคนหนึ่ง
สไตล์การตอบคำถามของลุงนามิยะ และเด็กหนุ่มทั้งสามคนนั้นมีความแตกต่างโดยสิ้นเชิง ลุงนามิยะ จะให้ความรู้สึกได้กำลังใจ ความหวังในชีวิต และได้แนวทางให้ผู้คนกลับไปตัดสินใจต่อได้เอง
ส่วนสามหนุ่มวัยรุ่นเป็นการตอบคำถามตามความจริง แบบตรงไปตรงมาไปหน่อย อาจเป็นเพราะว่า พวกเขาได้ผ่านชีวิตที่เรียกได้ว่าเป็นอนาคตของคนพวกนั้นมาแล้ว คนรับจดหมายตอบกลับ ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า “สิ้นหวัง” แต่ลึกๆ ข้อความพวกนั้นก็แฝงไปด้วยพลังให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป
แม้จดหมายบางฉบับจะจบลงอย่างห้วนๆ ไม่ได้คำตอบว่าจะเลือกเส้นทางไหนดี แต่ผู้มาขอคำปรึกษากลับได้พลังอะไรบางอย่างก้าวเดินออกไปใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเดิม ทำให้เราเห็นว่า บางทีเราอาจจะไม่ได้อยากได้คำตอบอะไรที่ชัดเจน
แต่เราเพียงต้องการใครสักคนที่รับฟังปัญหาที่อยู่ในใจหัวใจอย่างเข้าใจเรา ราวกับว่า เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกใบนี้ และทั้งลุงนามิยะและเด็กวัยรุ่นสามคน ก็ได้ทำหน้าที่นั้นอย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะไม่ได้อะไรตอบแทน
ความสุขที่แท้จริง อาจเป็นการเห็นข้างๆ เรามีความสุข
สงสัยกันไหมคะว่า ทำไมลุงนามิยะที่เปิดร้านขายของชำอยู่ดีๆ ทำไมต้องมาเปิดมุมรับปรึกษาด้วย ทั้งๆ ที่ถ้าโฟกัสขายของอย่างเดียวน่าจะรวยกว่า
หรือเด็กหนุ่มสามคน ที่ตอนแรกที่เชื่อจดหมายจากอดีตเมื่อ 32 ปี และมองว่าเรื่องพวกนี้อาจเป็นแผนของตำรวจที่มาล่อเขาให้ตอบจดหมายหรือเปล่า ก็กลับยินดีนั่งเขียนจดหมายทุกฉบับอย่างตั้งใจ โดยที่หาเหตุผลไม่ได้เหมือนกันว่าทำไปทำไม ทั้งๆ ที่มันอาจจะเสี่ยงก็ได้ ถ้าจดหมายที่เป็นจดหมายล่อจากตำรวจ ไม่ใช่จดหมายในอดีตจริงๆ
แต่เด็กทั้งสามคนก็ได้เจอกับเรื่องปาฏิหาริย์หลายๆ อย่าง จนแน่ใจว่า นี่ไม่ใช่เรื่องในฝัน ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง แต่มันคือจดหมายที่ส่งมาจากอดีตจริงๆ และเมื่อได้อ่านเรื่องราวของแต่ละคน ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือด้วยการเขียนจดหมายตอบกลับไป แม้พวกเขาจะรู้สึกว่า ไม่ใช่คนที่จะอยู่ในฐานะที่จะให้คำปรึกษาได้ แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เราก็ไม่ควรปล่อยผ่านกับคนที่กำลังเดือดร้อนอย่างไม่ไยดี
จนกระทั่ง วันสุดท้ายของร้านขายของชำนามิยะก็มาถึง เป็นคนที่เชื่อมลุงนามิยะและหนึ่งในกลุ่มเด็กหนุ่มนั้นได้พูดคุยกัน ลุงนามิยะได้บอกกับลูกชายว่า
“เมื่อครบรอบวันตายปีที่ 33 ของคุณลุงนามิยะ ขอให้ปิดประกาศให้คนที่เคยได้รับจดหมายตอบกลับมาที่ประตูร้านขายของชำเช่นเดิม โดยเขียนจดหมายเล่าความเปลี่ยนแปลงของชีวิตตนเอง”
เมื่อสิ้นสุดคำบอกลา แล้วเดินเข้าไปในร้าน คุณลุงนามิยะก็ประหลาดใจ เมื่อพบจดหมายมากมายส่งเข้ามาทางประตูหน้าร้าน แต่ยิ่งประหลาดใจเข้าไปอีก เมื่อจดหมายทั้งหมดล้วนมาจากโลกอนาคตอีก 33 ปีข้างหน้า! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อผ่านไป 33 ปี จะยังมีคนจดจำคุณลุงได้ไหม…
และหนึ่งในจดหมายนั้นเป็นกระดาษว่างเปล่า จาก “อัตสึยะ” หนึ่งในกลุ่มเด็กหนุ่มสามคนนั้น เขาอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง เลยส่งกระดาษเปล่าผ่านประตูหน้าร้าน และนั่นก็เป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่ลุงนามิยะได้รับ และได้เขียนตอบกลับมายังโลกอนาคตที่อัตสึยะมีชีวิตอยู่
“อนาคตของคุณอาจเป็นกระดาษที่ว่างเปล่า
แต่เพราะมันว่างเปล่า คุณจะสามารถแต่งแต้มสีสันตามที่ใจคุณต้องการได้
คุณสามารถมีอิสระ ทำได้ทุกอย่าง มีความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด…”
หลังจากที่อัตสึยะได้อ่านจดหมายจากลุงนามิยะที่ส่งตรงมาจากอดีต ก็ทำให้ความคิดเขาเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง และจดหมายฉบับนั้นก็ทำให้ค้นพบว่า ทำไมเขาต้องมานั่งเขียนตอบจดหมาย แบบที่ลุงนามิยะทำด้วย
“ผมไม่เคยคิดว่าจะมีใครมีชีวิตอยู่ต่อได้ เพียงทำตามสิ่งที่คนอื่นเขียน
เหตุผลที่ผมส่งจดหมายถึงเธอ เพียงเพราะผมต้องการให้คนนั้นมีความสุข”
บางทีความสุขในชีวิต อาจเป็นการทำอะไรสักอย่างให้คนรอบข้างของเรายิ้มได้ หมดทุกข์ เรามีชีวิตที่มีความสุขนั่นเอง และการที่เห็นคนอื่นมีความสุขอาจเป็นพลังอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เราไม่ย้อท้อที่จะทำบางสิ่งอย่างสุดพลัง
“ทิวทัศน์ที่คุณมองเห็น คือทิวทัศน์ที่คุณเลือกเอง”
แม้ว่าตัวละครที่วนเวียนเข้ามาขอคำปรึกษาต้องการทางออกของชีวิต แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาจะเดินต่อ หรือยืนอยู่ที่เดิม ล้วนแต่เป็นการตัดสินใจของคนๆ นั้นเอง และนั่นก็ดูเหมือนว่า เป็นความต้องการของลุงนามิยะ และเด็กหนุ่มทั้งสามคนเช่นกัน
แม้หลายๆ คนจะบอกว่า ที่ชีวิตประสบความสำเร็จในวันนี้ก็เพราะได้รับคำปรึกษาจากลุงนามิยะ หรือเด็กหนุ่มทั้งสามคน แต่ถ้าเจ้าตัวก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกทำตามหรือไม่ทำตามก็ได้ เลือกได้แม้จะอ่านหรือไม่อ่านจดหมายตอบกลับก็ได้
แต่พวกเขาก็ได้ตัดสินใจทุกการกระทำด้วยตัวเอง ตั้งแต่การอ่านจดหมายอย่างตั้งใจ และเลือกก้าวเดินชีวิตต่อไป ด้วยวิธีการที่ไม่เหมือนเดิม แค่ก้าวออกมาทีละนิด ชีวิตก็ต่างไม่จากเดิมแล้ว และคนเหล่านั้นก็เลือกที่จะก้าวเดินต่อไป และมีชีวิตต่อไป โดยที่ไม่ต้องทำให้ตัวเองต้องเสียใจในภายหลัง และเพื่อขอบคุณร้านขายของชำนามิยะ และเด็กหนุ่มทั้งสามคน ที่คอยรับฟังทุกปัญหา และอยู่เคียงข้างพวกเขาเสมอ จนทิวทัศน์รอบๆ ตัวได้เปลี่ยนแปลงไป และน่าอยู่กว่าที่เคยเป็น
“ทิวทัศน์ที่คุณมองเห็นในตอนนี้ เป็นทิวทัศน์ที่คุณเลือก
และไขว้คว้ามาด้วยตัวคุณเอง”
ปาฏิหาริย์ร้านขายของชำนามิยะ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าติดตามค่ะ ทั้งเวอร์ชันนวนิยายและภาพยนตร์เลย ในส่วนที่เขียนในบทความนี้เขียนมาจากเวอร์ชันภาพยนตร์ค่ะ ที่มีการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม เล่าถึงเรื่องราวของโลกอดีตและอนาคตที่คู่ขนานกันได้อย่างลงตัว เรื่องราวแสนน่าเศร้าของแต่ละชีวิตที่ทำให้น้ำตาซึม แลดูมีความหวัง และอบอุ่นใจขึ้นมาทันที เมื่อเรื่องราวพวกนั้นได้ถึงมือคุณลุงนามิยะ
รวมถึงการวางตัวละคร ที่ตอนแรกทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนภาพยนตร์ได้ถูกแบ่งออกเป็นตอนๆ อีกที ผ่านชีวิตของคนที่เข้ามาขอคำปรึกษา แต่พอดูไปเรื่อยๆ ก็ค้นพบว่า ทุกตัวละครที่เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันตั้งแต่แรก
ภาพยนตร์ค่อยๆ เผยความสัมพันธ์ของตัวละครที่มีความเชื่อมโยงกัน จากคนที่เหมือนเป็นคนแปลกหน้า แท้จริงแล้วเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในวงโคจรเดียวกัน และได้มาพบกันราวกับปาฏิหาริย์…
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่นน่าดู ประจำ Winter Season ที่ผ่านมา
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่นกับพล็อตแนว “ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร”
– รีวิว Tengoku to Jigoku Saikyona Futari เมื่อฆาตกรและตำรวจต้องสลับร่างกัน!
– 5 ซีรีส์-ภาพยนตร์ญี่ปุ่นโรแมนติก บน Netflix สำหรับสายโสด ดูฟินๆ ในช่วงวาเลนไทน์
– Review Ichido Shinde Mita จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ลองตายดูสักครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
– ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Namiya Zakkaten no Kiseki
– https://asianwiki.com/
– https://tsutaya.tsite.jp/
– https://www.japantimes.co.jp/
#ปาฏิหาริย์ร้านขายของชำนามิยะ (Namiya Zakkaten no Kiseki) มุมปรึกษาข้ามเวลา ที่นำพาให้เรามีชีวิตต่อไป