ปัจจุบันเราก็ยังต้องแวะไปร้านหนังสือการ์ตูนเพื่อหยิบยืม หรือซื้อหามาอ่านตลอด การ์ตูนเรื่องแรกที่แวบเข้ามาในหัวเป็นอันดับแรกและเชื่อว่าเป็นการ์ตูนอมตะ นิรันดร์กาลแน่นอน ก็คือเรื่อง “โดราเอมอน” นั่นเอง
จากการได้ดูการ์ตูนมาหลายเรื่อง ยิ่งการ์ตูนญี่ปุ่นนี่เป็นที่นิยมและมีการทำเป็นอนิเมทออกมามากมาย ทำให้นึกถึงว่า การ์ตูนของญี่ปุ่นเรื่องไหนบ้างนะที่เรียกว่าเป็นการ์ตูนอมตะ เนื่องจากที่เราเป็นคนที่ชอบ ชอบ ชอบ และชอบอ่านการ์ตูนมากๆ ปัจจุบันก็ยังต้องแวะไปร้านหนังสือการ์ตูนเพื่อหยิบยืม หรือซื้อหามาอ่านตลอด การ์ตูนเรื่องแรกที่แวบเข้ามาในหัวเป็นอันดับแรกและเชื่อว่าเป็นการ์ตูนอมตะ นิรันดร์กาลแน่นอน ก็คือเรื่อง “โดราเอมอน” นั่นเอง
เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก โดราเอมอน เพราะโดเรมอน หรือ โดราเอมอน ก็อยู่คู่เด็กไทยมานานแล้ว มีของวิเศษต่างๆ ที่โดเรมอนนำออกมาให้โนบิตะเล่นแต่ละชิ้น ทำให้เราทุกคนอยากที่จะให้มีจริงในโลกปัจจุบันแบบสุดๆ 555 ไม่ว่าจะเป็นประตูทุกหนทุกแห่ง ไทม์แมชชีน และอื่นๆ
แต่มีใครที่รู้จักเบื้องลึกเบื้องหลังของโดราเอมอนกันบ้าง จำได้ว่าเคยดูรายการทีวีรายการหนึ่งเล่าให้ฟังว่า โดราเอมอน ขนาดจริงๆ มีขนาดที่เรียกว่าใหญ่มากๆ และสัดส่วนมีความสมดุลและกลมมากด้วย
โดราเอมอนสร้างสรรค์โดย ฟูจิโกะ เอฟ. ฟูจิโอะ เป็นหุ่นยนต์แห่งโลกอนาคตในศตวรรษที่ 22 ที่เกิดจากแรงบันดาลใจจากแมวหลงทาง และตุ๊กตาล้มลุกของญี่ปุ่น และชื่อของโดราเอมอนก็มาจากการประสมคำของคำว่า “โดราเนโกะ” ที่แปลว่า แมวหลงทาง และคำว่า “เอมอน” ที่เป็นคำเรียกต่อท้ายของเด็กผู้ชายญี่ปุ่นในสมัยก่อน จึงเกิดมาเป็นชื่อ โดราเอมอน นั่นเอง และเนื่องจากความตั้งใจของผู้วาดการ์ตูนที่ใช้ตัวเลข 129.3 กับโดราเอมอน เพราะฉะนั้นในตัวโดราเอมอนจึงมีอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเลขชุดนี้ เช่น
- มีน้ำหนัก 129.3 กิโลกรัม
- ความสูง 129.3 เซนติเมตร (แต่เวลานั่ง จะเหลือ 100 เซนติเมตร)
- กระโดดได้สูง 129.3 เซนติเมตร (เวลาที่เจอหนูโดยเฉพาะ)
- มีพละกำลัง 129.3 แรงม้า
- วัดรอบหัว รอบอก รอบเอวได้ 129.3 เซนติเมตร
- วิ่งปกติในระยะ 50 เมตรใช้เวลา 15 วินาที แต่ถ้าเจอหนูจะวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยนะ
- วันที่ผลิตคือ ปีที่ 2112 เดือน 9 วันที่ 3 (ตามปฏิทินญี่ปุ่น)
สิ่งที่โดราเอมอนชอบที่สุดก็คือ ขนมแป้งทอด (โดรายากิ) และขนมโมจิ ส่วนสิ่งที่เกลียดมากที่สุดก็คือ หนู นั่นเอง
การทำงานของส่วนต่างๆ ของโดราเอมอน ประกอบด้วย
หัว มีการติดตั้งคอมพิวเตอร์ชิปในหัว ทำให้มีความรู้สึกนึกคิด สามารถพูดภาษามนุษย์ (ภาษาญี่ปุ่น) และพูดภาษาแมวได้ แต่ภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาญี่ปุ่น และภาษาสัตว์อื่นๆ จะฟังไม่รู้เรื่อง จึงต้องพึ่งเครื่องมืออื่น เช่น วุ้นแปลภาษา กับ หูฟังภาษาสัตว์ แทน อีกทั้งยังสมองไม่ไวเท่าที่ควร เวลาคำนวณเลขยากๆ จึงต้องใช้กระดาษทดหรือเครื่องคิดเลขช่วย
นอกจากนี้ หัวของโดราเอมอนยังแข็งราวกับหิน ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นอาวุธลับขั้นสุดท้ายของโดราเอมอนเลยทีเดียว โดยสามารถเอาหัวโขกจนประตูพังได้ และวิ่งกระโจนเอาหัวพุ่งใส่แทงค์แก๊ส (ที่ทำจากโลหะผสมชนิดพิเศษ) จนแทงค์เป็นรูเสียหาย (แต่ก็จะทำให้หมดสติไปเลยเช่นกัน)
ใบหน้า ใบหน้าของโดราเอมอน มีลักษณะเป็นทรงกลม จมูกกลมสีแดง และมีหนวด 6 เส้น ดูคล้ายกับแมว แต่คนอื่นๆ มักเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวทานูกิ หรือตัวแรคคูน ทุกที ซึ่งโดราเอมอนก็จะไม่พอใจทุกครั้งที่ถูกเรียกแบบนั้น
ตา ตาของโดราเอมอนเป็นตาแสงอินฟาเรด ทำให้สามารถมองเห็นได้แม้แต่ในที่มืด
จมูก มีลักษณะเป็นลูกกลมๆ สีแดง เหมือนกับปลายหาง รับรู้กลิ่นได้ไวกว่ามนุษย์ 20 เท่า แต่ปัจจุบันชำรุด จึงสามารถดมกลิ่นได้เท่าจมูกคนเท่านั้น
หนวด มี 6 เส้น เป็นหนวดเรดาร์ สามารถจับวัตถุระยะไกลได้ แต่อยู่ระหว่างรอซ่อมแซม
ร่างกาย ผิวหนังเป็นโลหะผสมพิเศษต้านแรงดึงดูด ทำให้ฝุ่นละอองไม่สามารถจับเกาะได้ นอกจากนี้ยังมีความทนทานสูง แม้อยู่ในอวกาศหรือใต้ทะเลลึกก็ไม่เป็นปัญหา แม้โดนของเหลวคล้ายกรดสาดก็ไม่ละลาย แต่ก็มีข้อด้อยเช่นกัน คือ แพ้อากาศร้อน และแพ้อากาศหนาว จนถึงขั้นเป็นหวัดได้ และหากโดนไฟฟ้าช็อตก็จะเสียหาย
มือ รูปร่างกลมสีขาวไม่มีนิ้วมือ จึงไม่สามารถเล่นพันด้าย และเป่ายิ้งฉุบได้ เล่นบาร์โหนก็ไม่ถนัด แต่สามารถดูดจับสิ่งของได้ทุกอย่าง
ปาก ปากขนาดกว้าง สามารถรับประทานได้ทุกอย่าง โดยจะเปลี่ยนเป็นพลังงานปรมาณู โดยมีเตาปฏิกรณ์อยู่ที่ส่วนกระเพาะ ภายในปากจะมีฟันที่เรียกว่า “ฟู้ดคัตเตอร์” ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเฉพาะเวลาที่โดราเอมอนโกรธจนต้องยิงฟันเท่านั้น อย่างในตอนพิเศษ “ไดโนเสาร์ของโนบิตะ 2006” โดราเอมอนกลับถูกวาดให้มองเห็นซี่ฟันอย่างชัดเจน
กระพรวนห้อยคอ มีสีเหลือง ส่วนสายคาดมีสีแดง เมื่อสั่นกระพรวนจะสามารถเรียกแมวที่อยู่ใกล้เคียงมาชุมนุมกันได้ โดยจะปล่อยคลื่นเสียงพิเศษ แต่ตอนนี้ใช้งานไม่ได้ ปัจจุบันจึงได้เปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่เพื่อใช้งานเป็นกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กแทน
กระเป๋าหน้าท้อง เป็นกระเป๋าสี่มิติ ไว้สำหรับเก็บของวิเศษต่างๆ มีพื้นที่เก็บของไม่มีจำกัด สามารถถอดไปทำความสะอาดได้ โดยระหว่างนั้นจะนำกระเป๋าสี่มิติใบสำรอง หรือที่มักเรียกว่า “กระเป๋าสำรอง” มาใช้แทน ซึ่งกระเป๋าทั้งสองจะมีมิติเชื่อมต่อกัน ของที่เอาใส่ในกระเป๋าใบหนึ่ง จะสามารถนำออกมาจากกระเป๋าอีกใบหนึ่งได้
เท้า มีลักษณะแบนเรียบ สีขาว มีพลังต้านแรงดึงดูด ส่งผลให้เท้าอยู่ลอยจากพื้น 3 มิลลิเมตร เลยไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าเพราะไม่มีฝุ่นผงติดเท้า เดิมทีเท้าของโดราเอมอนจะเป็นแบบที่สามารถเดินได้โดยไม่มีเสียงเหมือนกับแมว ย่อง แต่ปัจจุบันชำรุดไปแล้ว ทำให้เวลาเดินจึงมีเสียงจากแรงเสียดสีกับอากาศ สำหรับเวลาขี่จักรยาน ต้องใช้ปากจับแฮนด์ และใช้มือถีบที่ปั่นจักรยานแทน เนื่องจากขาหยั่งไม่ถึง
หาง เป็นสวิตช์ปิด-เปิด ถ้าถูกดึง ทุกอย่างจะหยุดทำงาน โดราเอมอนสามารถดึงหางเพื่อปิดสวิตช์ตัวเอง แต่ไม่สามารถดึงเพื่อเปิดเองได้ ปัจจุบันคุณสมบัตินี้ถูกยกเลิกไปแล้ว
ร่างกายโดราเอมอนนับว่ามีความ มหัศจรรย์มาก มีหลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย คุณสมบัติในตัวบางอย่างจะอ่านเจอในบางตอนเท่านั้นเอง นับว่าทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวโดราเอมอนได้เยอะเลย ที่ญี่ปุ่นมีการทำพิพิธภัณฑ์ Fujiko F Fujio Museum ขึ้น พิพิธภัณฑ์นี้เรียกอีกชื่อว่า พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน ด้วย (อ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.marumura.com/travel/?id=1489 เลยจ้า) คนเขียนเองก็อยากจะได้ไปเยือนที่นั่นสักครั้งเหมือนกัน
นอกจากนี้ ตอนจบของโดราเอมอนที่มีคนพูดถึงกันอย่างมากมาย เนื่่องจากจริงๆ แล้วเรื่องโดราเอมอนไม่มีตอนจบ เพราะคนเขียนได้เสียชีวิตไปเสียก่อน แต่ก็มีกระแสข่าวออกมาถึงโครงเรื่องตอนจบที่คนเขียนได้วางพล็อตเรื่องเอาไว้ ซึ่งมีมากมายหลายแบบ มีตอนจบที่เศร้ามาก เช่น ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝันของโนบีตะ โดยที่โดราเอมอนไม่มีจริง เรียกว่าเป็นตอนจบที่ทำร้ายจิตใจคนอ่านได้มาก แต่ก็มีตอนจบที่แฟนๆ โดราเอมอนประทับใจมากที่สุด ซึ่งเป็นฉบับโดชินจิ มีการตีพิมพ์ออกเผยแพร่ แต่ก็ถูกระงับไปเนื่องจากเหตุผลทางลิขสิทธิ์ แต่ก็มีเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต สามารถหาอ่านได้ที่ http://fwmail.teenee.com/etc/217.html
คนเขียนเองก็ประทับใจกับตอนจบอันนี้มากเช่นกัน เพราะดูจะเหมาะสมลงตัวที่สุด แต่ที่จริงแล้ว อ.ฟุจิโกะ F ฟุจิโอะ ผู้สร้างสรรค์โดราเอมอนก็เคยเขียนตอนจบไว้แล้วในชื่อตอน “ลาก่อนโดราเอมอน” ซึ่งเป็นบทสรุปและตอนจบจริงๆ ของเรื่องโดราเอมอน แต่ก็ต้องกลับมาเขียนต่อเนื่องด้วยเหตุผลหลายประการจากทั้งแฟนๆ และทางสำนักพิมพ์
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน โดราเอมอนก็เป็นความประทับใจว่าคนอ่านทุกวัยอยู่เสมอนั่นเอง
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– รู้จักญี่ปุ่นผ่านการ์ตูน (4)
– 10 ภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่คุณต้องดู
– รีวิว Himizu ภาพยนตร์ญี่ปุ่นสุดโหด
– รีวิวภาพยนตร์ญี่ปุ่น Always: Sunset on Third Street (3)
– รู้จักญี่ปุ่นผ่านการ์ตูน : ตะลอนชิมข้าวกล่องรถไฟ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
– www.th.wikipedia.org
– fwmail.teenee.com
#โดราเอมอน #การ์ตูนญี่ปุ่น