5 ซีรีส์ญี่ปุ่นกับพล็อตแนว “ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร”
หลายครั้งเราอาจต้องเผชิญกับสิ่งที่ยากลำบาก พยายามอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยิ่งดูเหมือนห่างไกลความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิม
วันนี้เราเลยขอนำเสนอซีรีส์ญี่ปุ่นที่จะมาช่วยปลุกพลังใจ ให้คุณลุกขึ้นมาพยายามอีกครั้งอย่างมีพลัง พร้อมส่งต่อความเชื่อมั่นจากละครที่มีพล็อตแนว “ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร” นี่คือลิสต์ละครญี่ปุ่นที่ตัวละครต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมามากมาย ไม่ได้เก่งตั้งแต่แรก แต่ลุกขึ้นมาต่อสู้ชีวิตจนก้าวถึงความสำเร็จในที่สุด จะมีเรื่องอะไรบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ
1. Attention Please
หนึ่งละครญี่ปุ่นในตำนาน ที่คอซีรีส์ญี่ปุ่นต้องรู้จักอย่างแน่นอน เรื่องราวของหญิงสาวขาร็อค เป็นนักร้องอิสระ ที่ผันตัวมาสู่อาชีพที่ห่างไกลจากตัวเธอมาก และไม่ใช่สิ่งที่เธอถนัด นั่นก็คือการเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ ด้วยบุคลิกห้าวๆ เหมือนม้าดีดกะโหลก ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เป๊ะ แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีมุมไหนที่เหมาะกับการเป็นแอร์โฮสเตสเลย แต่เจอจุดพลิกผันในชีวิต จนทำให้เข้ามาเป็นแอร์โฮสเตสในสายการบินชื่อดังของญี่ปุ่น คนรอบข้างมองว่าเธอจะรอดในสมรภูมินี้เหรอ
และแน่นอนในระหว่างทาง เธอต้องพบกับความผิดหวังหลายอย่าง ตามหลังเพื่อนอยู่หลายก้าว เป็นคนเดียวที่สอบไม่ผ่าน Trainee มันเต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งที่ผ่านมาเธอก็พยายามปรับตัว แต่มันก็ไม่พอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับไม่ย่อท้อต่อสิ่งที่ได้เจอ และเชื่อมั่นในพลังของความพยายาม และเชื่อว่าความสามารถของคนเรานั้นพัฒนาได้ เธอจึงตั้งใจและพยายามอีกหลายเท่าตัว เพื่อที่จะก้าวขึ้นเป็นแอร์โฮสเตสที่ดีให้ได้ค่ะ
ฉากที่ประทับใจสุดๆ ของเราน่าจะเป็นฉากที่นางเอก “มิซากิ” (รับบทโดย อายะ อุเอโตะ) แอบไปฝึกฝนตัวเองหลังเลิกงานแบบไม่มีใครรู้ หลายคนมองว่าเธอเป็นคนที่ไม่ค่อยจริงจังกับอะไร ด้วยบุคลิกขี้เล่นของเธอ แต่ใครจะรู้ว่า ภาพเบื้องหลังที่ไม่เคยมีใครได้เห็นนั้น เธอกำลังพยายามกับสิ่งที่ฝันด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มีอย่างเต็มพลัง และวันนึงก็มีแอร์โฮสเตสคนหนึ่งที่ทำงานอยู่บนท้องฟ้าอย่าง “มิซากิ โยโกะ”
2. Jimi ni Sugoi
เราทุกคนต่างมีอาชีพในฝันกันใช่ไหมคะ แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าวันหนึ่งเราต้องทำงานที่ไม่เคยอยู่ในความสนใจเราเลย และไม่มีประสบการณ์ในงานนั้น เราก็คงไม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นหรอกใช่ไหมคะ แต่บางทีชีวิตเราก็เลือกไม่ได้อย่างใจคิดขนาดนั้น เหมือนกับ “เอ็ตสึโกะ โคโนะ” (รับบทโดย ซาโตมิ อิชิฮาร่า) ที่สนใจอยากเป็นบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่น แต่ดันได้ไปทำงานเป็นนักพิสูจน์อักษรที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์เลย แถมยังเป็นงานที่ไม่ค่อยถนัดด้วย มิหนำซ้ำ ยังเข้าไปเจอเพื่อนร่วมงานที่ตั้งกำแพงใส่ เพราะไม่ยอมรับในตัวตนของเธอที่ไม่เคยผ่านงานพิสูจน์อักษรมาเลยสักครั้ง แต่เอ็ตสึโกะก็มักจะไปทำงานด้วยรอยยิ้มที่สดใสและมีพลังเสมอ
ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือ เอ็ตสึโกะต้องไปเจอกับงานที่ “พลาด” ได้ง่ายมากค่ะ เพราะงานพิสูจน์อักษรเป็นงานที่ละเอียด ต่อให้คนมีประสบการณ์ทำก็ยังพลาดได้ง่ายๆ เช่นกัน แล้วคนที่ไม่เคยจับงานนี้อย่างเอ็ตสึโกะละจะทำอย่างไร เธอเหมือนถูกรอบล้อมไปด้วย “ความผิดพลาด” ตรวจผิดบ้าง ตรวจถูกบ้าง คำบางคำก็ไม่รู้ความหมายก็ปล่อยหลุดออกไป หนักสุดคือพิสูจน์อักษรพลาด แต่หนังสือดันตีพิมพ์ออกไปแล้ว ต้องมาหาทางแก้ไขกันยกใหญ่ แม้ความสำเร็จมันจะดูห่างไกลเธอมาก แต่เธอก็กล้าหาญมากพอที่จะยอมรับความผิด ยอมรับในจุดที่ยังไม่เก่ง และพยายามปรับปรุงแก้ไข จนกลายเป็นนักพิสูจน์อักษรมือฉมัง ถ้ามีงานพิสูจน์อักษรโผล่มาละก็ ต้องยกให้เอ็ตสึโกะทำเลย!
3. First Class
ซีรีส์ญี่ปุ่นสายนิตยสารแฟชั่นที่ไม่ได้โรยด้วยกลับกุหลาบ แค่เดินเข้าไปในกองบ.ก. ก็เหมือนมีกองตะปุโรยอยู่เต็มออฟฟิศ และไหนจะเพื่อนร่วมงานที่พร้อมจะยิงกระสุนใส่อยู่ทุกเมื่อ แต่ถึงอย่างนั้น “จินามิ” (รับบทโดย เอริกะ ซาวาจิริ) อดีตพนักงานร้านขายผ้า ผู้หลงใหลในแฟชั่น ตัดสินใจเข้าสู่วงการนิตยสารแฟชั่นชื่อดังระดับประเทศ แต่สถานที่แห่งนี้ก็ไม่ได้งดงามอย่างที่คิด เหมือนเข้าไปอยู่ในดงของไฮยีน่า ที่เธอต้องสู้รบกับเหล่าบ.ก.ที่พร้อมจะกลั่นแกล้งหั่นขาเก้าอี้เธออยู่เสมอ ในแต่ละวันเต็มไปด้วยน้ำตา งานที่ทำไม่ได้ยากเพราะเนื้องานอย่างเดียว แต่ยากคูณสองด้วยเรื่องคนด้วย ที่คอยกลั่นแกล้งและขัดขาไม่ให้เธอทำงานต่างๆ ให้สำเร็จ ดูจากสถานการณ์แล้ว หมดน้ำตาเป็นลิตร เป็นถึงขนาดนั้น เดินออกไปน่าจะง่ายกว่าไหมนะเธอ ก็เข้าใจในเรื่องความสำเร็จที่ต้องฝ่าฟัน แต่ชีวิตเธอดูน่าสงสารจนอยากให้เธอเซฟหัวใจของตัวเองก่อน
แต่จินามิไม่คิดเช่นนั้น เธอเลือกที่จะสู้ต่อไป ใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีทุ่มเทให้กับงานนี้ ก้าวข้ามดราม่าต่างๆ ในวงกอสซิป เกิร์ล และด้วยความสามารถของเธอเลยทำให้ไม่ว่าจะเจออะไรก็รอดพ้นมาได้ และด้วยใจของเธอที่ไม่เคยยอมแพ้ ทำให้วันหนึ่งเกมพลิก เธอได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าบรรณาธิการของนิตยสาร เพราะการต่อสู้ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ทำให้เธอมีโอกาสได้เดินมาไกลถึงขนาดนี้….
4. 99.9 Keiji Senmon Bengoshi
เรื่องนี้อาจจะต้องจากเรื่องอื่นหน่อยค่ะ ตรงที่ตัวละครเอกของเรื่องเป็นคนที่เก่งมาก เก่งแต่ไหนแต่ไร แต่อยากยกให้เป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นว่า “ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร” และเป็นเรื่องที่ทำให้เราเห็นว่า ต่อให้เป็นคนเก่งและมีความสามารถ ก็ต้องฝ่าฟันกับเรื่องที่ยากลำบาก เหมือนกับตัวละคร “ฮิโรโตะ มิยาม่า” (รับบทโดย มัตสึโมโตะ จุน) เป็นทนายที่มากความสามารถมาก รับทำคดีออาญาเป็นหลัก ซึ่งในสังคมญี่ปุ่นเป็นที่รู้กันดีว่า มีอัตราเชื่อมั่นต่อคดีอาญาถึง 99.9% กล่าวคือ คดีที่อัยการยื่นฟ้อง ล้วนมีความผิดจริงแทบทั้งสิ้น แค่เห็นคดีก็เห็นถึงความพ่ายแพ้แล้ว แต่มิยาม่าก็มองว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำไม่สำเร็จ มันยังเหลืออีก 0.1% ที่เหลือ และเป็น 0.1% ที่ยิ่งใหญ่ หากค้นพบความจริงเพียงแค่ 0.1% นี้ อาจจะทำให้คดีพลิกเลยก็ได้
และเขามักจะทุ่มเทกับ 0.1% จนเอาชนะคดีได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ชีวิตของคนเราก็เช่นกันค่ะ บางทีเราอยู่ในสถานการณ์ที่โอกาสความสำเร็จอยู่ที่ 0.1% เท่านั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเราจะจบ แต่มันเป็น 0.1% ที่สามารถหักล้าง 99.9% ได้อย่างราบคาบ
5. Oh my Boss Koi wa Bessatsude
มาปิดท้ายกันที่ซีรีส์ญี่ปุ่นที่กำลังออนแอร์อยู่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้เลยค่ะ เป็นเรื่องราวของ “นามิ ซูซุกิ” หญิงสาวที่ก้าวเข้าสู่เมืองหลวงอย่างโตเกียวเพื่อมาหางานทำ ตอนแรกเธอหวังแค่ว่า ขอให้ได้งานธรรมดาๆ ก็พอ เลิกงานตรงเวลา ได้กลับบ้าน กินข้าวอร่อยๆ มีเวลาพักผ่อนก็พอแล้ว ไม่ได้อย่างไต่เต้าตำแหน่งอะไรมากมาย
แต่ชีวิตที่เจอกลับไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิคะ เธอดันได้ไปทำงานในกองบรรณาธิการนิตยสารแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของหัวหน้าบรรณาธิการสุดเนี๊ยบ และสั่งงานไม่หยุด และสั่งงานที่ไม่น่าจะทำได้สำเร็จอยู่หลายครั้ง ชีวิตอันหอมหวานที่ซูซุกิฝันไว้ก็พังทลายลง ต้องมาทำงานกับหัวหน้าจอมโหดเหมือนปีศาจ เรียกใช้งานเธออย่างกับทาส และงานที่ทำก็ดูเหมือนเป็นงานเบ็ดเตล็ดที่หาคุณค่าอะไรไม่ได้เลย พูดตรงๆ ก็คือเหมือนงานเบ๊มากกว่า จนทำให้เธอรู้สึกถอดใจ จนอยากลาออก
แต่วันหนึ่งเธอก็ได้พบความจริงว่า งานที่เธอทำเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นิตยสารนี้ประสบความสำเร็จได้ ด้วยงานเบ็ดเตล็ดของเธอ ทำให้หัวหน้าบ.ก.ดีลกับเจ้าของแบรนด์เนมชื่อดังระดับโลกได้ จนได้สปอนเซอร์ที่มีมูลค่าหลายสิบล้าน และในขณะเดียวกันหัวหน้าบ.ก.ก็ทุ่มเทกับงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ และเพื่อให้นิตยสารขายได้และอยู่รอด วันนั้นเธอจึงได้บทเรียนจากหัวหน้าบ.ก.ว่า…
“การอยากเป็นคนธรรมดา มันไม่ถือดีไปหน่อยเหรอ สำหรับคนที่ดูถูกงานเบ็ดเตล็ดคงทำงานนี้ไม่ได้หรอก แค่ความอดทนในแบบคนธรรมดายังไม่เลยว่าไหม?”
แม้อาจจะฟังดูโหดไปสักหน่อย แต่โลกธุรกิจ หรือโลกจริงที่ไม่ได้ใจดีกับเราเท่าไหร่ อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ หรือมองข้ามคุณค่าของงานที่เรากำลังทำอยู่
นี่ก็คือซีรีส์ญี่ปุ่นที่น่าจะมาปลุกพลังใจให้กับใครหลายคนได้ในช่วงนี้ แม้เนื้อหาจะเครียดไปหน่อย แต่เสน่ห์ของซีรีส์ญี่ปุ่นคือ ยิ่งดูแล้วยิ่งได้แรงบันดาลใจทุกครั้งที่ได้เปิดดู และเรื่อง “ความพยายาม” ก็เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงบ่อยมากในซีรีส์ญี่ปุ่นค่ะ สะท้อนให้เห็นว่าการสู้ชีวิตอย่างเพียรพยายาม ไม่มีใครรู้หรอกค่ะว่า ความเพียรพยายามมันจะเท่ากับความสำเร็จหรือเปล่า แต่ตัวละครทุกคนก็เลือกที่จะก้าวเดินและลงมือทำต่อไป ต่อให้ท้ายที่สุดผลมันอาจไม่เป็นอย่างที่คิด แต่เชื่อค่ะว่า เมื่อหันหลังมาเราจะไม่ต้องเสียใจ เพราะเราได้พยายามทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถ จนไม่มีอะไรที่จะต้องทำอีกแล้ว…
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– รีวิว Tengoku to Jigoku Saikyona Futari เมื่อฆาตกรและตำรวจต้องสลับร่างกัน!
– 5 ซีรีส์-ภาพยนตร์ญี่ปุ่นโรแมนติก บน Netflix สำหรับสายโสด ดูฟินๆ ในช่วงวาเลนไทน์
– Review Ichido Shinde Mita จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ลองตายดูสักครั้ง
– 3B no Koibito เมื่อตกหลุมรักกับชายหนุ่มที่ไม่ควรคบเป็นแฟน
– รีวิว Thus Spoke Kishibe Rohan นักวาดมังงะเปลี่ยนความทรงจำเป็นหนังสือ!
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
– https://asianwiki.com/
– https://fa-suto-kurasu-2.blog.ss-blog.jp
– https://www.rbbtoday.com
– https://www.tvlife.jp
– http://www.ponpokopon.net
– https://p3.storage.canalblog.com
#5 ซีรีส์ญี่ปุ่นกับพล็อตแนว “ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร”