ละครญี่ปุ่น 3 Nen A gumi: Cyberbully การกลั่นแกล้ง ที่พรากอนาคต … เรื่องราวของการกลั่นแกล้งยังคงเป็นปัญหาทางสังคมที่มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ พอมองย้อนมาที่สื่อละครญี่ปุ่น ก็ยังคงมีประเด็นของการกลั่นแกล้ง รวมถึง Cyberbully มาถ่ายทอดอยู่บ่อยๆ
เรื่องราวของการกลั่นแกล้งยังคงเป็นปัญหาทางสังคมที่มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ พอมองย้อนมาที่สื่อละครญี่ปุ่น ก็ยังคงมีประเด็นของการกลั่นแกล้ง รวมถึง Cyberbully มาถ่ายทอดอยู่บ่อยๆ
อย่างเช่นเรื่องนี้ค่ะ 3 Nen A gumi ที่ฉายไปเมื่อต้นปี 2019 ที่แทรกประเด็นปัญหาการถูกกลั่นแกล้งในญี่ปุ่นได้อย่างแนบเนียน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น จะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ค่ะ
เรื่องราวของ 3 Nen A gumi เมื่อนักเรียนถูกจับเป็นตัวประกัน
ก่อนเรียนจบการศึกษา 10 วัน ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่หลายคนไม่คาดคิด เมื่อคุณครูฮิรากิ (รับบทโดย สุดะ มาซากิ) ครูหนุ่ม ใจดี แสนอ่อนโยนในสายตาเด็กๆ และเพื่อนคุณครูด้วยกัน แต่เขากลับทำการกักขังนักเรียนทั้งหมด 29 คนเป็นตัวประกัน โดยขังไว้ในห้องเรียน ที่ไม่สามารถเปิดประตูออกได้ด้วยวิธีธรรมดา และกระจกห้องก็ถูกเปลี่ยนใหม่ ให้เป็นแบบไม่ให้คนภายนอกมาเห็น
ยิ่งกว่านั้นคุณครูฮิรากิได้ระเบิดโรงเรียน ให้เศษปูนบางส่วนของโรงเรียนถล่มลงมาปิดกั้นทางออก ไม่ให้ทั้งคนในออกได้ และไม่ให้ทั้งคนนอกเข้าได้ นี่คือห้องปิดตาย ที่มีคุณครูฮิรากิคุมเกมอยู่
และต่อจากนี้ บทเรียนบทสุดท้ายในชีวิตของฮิรากิได้เริ่มต้นขึ้น ด้วยหัวข้อบทเรียนที่ว่า “ทำไม ‘เรนะ คาเกะยาม่า’ นักกีฬาว่ายน้ำสุดป็อปของโรงเรียนถึงฆ่าตัวตาย” ฮิรากิได้โยนคำถามนี้ให้เด็กๆ จนกว่าจะค้นเจอคนร้ายตัวจริงได้ หากมีคนตอบผิด ก็จะมีนักเรียนหายไปจากห้องทีละคน…
เพราะเหตุใดคุณครูฮิรากิถึงได้ก่อเหตุอาชญากรรมนี้ขึ้น เพราะหาคนร้ายที่ทำให้เด็กคนหนึ่งฆ่าตัวตายตายหรือเปล่า บางทีเรื่องราวนี้อาจจะมีอะไรซ่อนไว้อยู่มากมาย
ชีวิตของ “เรนะ” ที่ถูกพรากอนาคต
เรนะ คาเกยาม่า (รับบทโดย โมกะ คามิชิราอิชิ) เป็นนักกีฬาว่ายน้ำฝีมือดี ได้รับชัยชนะมาหลายสนาม จนทำให้เธอเป็นที่รู้จักของโรงเรียน ชีวิตกำลังจะไปได้สวย แต่แล้วก็มีคลิปหลุดเผยสู่โลกออนไลน์ เป็นคลิปที่จับภาพเธอในขณะที่หยิบขวดยาบางอย่างในล็อกเกอร์ และพอซูมไปที่ขวดยานั้นกลับพบว่าเป็นยาโดปเพิ่มพละกำลัง และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา ข่าวเรนะโดปยาแพร่สะพัด โดยที่ไม่มีใครรู้จริงๆ หรอกว่า นั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่สังคมก็ตัดสินชีวิตเธอไปแล้ว
เพื่อนเริ่มตีตัวออกห่าง ทำกับเธอราวกับเป็นอากาศ แต่เรนะก็ยังมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชื่อว่า “ซากุระ คายาโนะ” (รับบทโดย เมอิ นากาโนะ) ที่คอยอยู่เคียงข้างตลอด แม้ในวันที่เรนะมีข่าวว่าโดปยา แต่เรนะไม่อยากให้เพื่อนต้องพลอยถูกเกลียดไปด้วย เลยส่งจดหมายไปบอกว่า “เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก” หลังจากนั้นคายาโนะเลยเลยห่างจากเรนะ และหลังจากนั้นไม่นาน… เรนะ คาเกะยาม่าก็จบชีวิตลงด้วยการกระโดดตึกฆ่าตัวตาย
Mind Voice ตัวเชื่อมต่อเรื่องราวต่างๆ
ในเรื่องนี้จะมีสิ่งหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญค่ะ นั่นก็คือโปรแกรม หรือแอพพลิเคชั่น “Mind Voice” เป็น Social Media ที่ทั้งเด็กๆ และคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ (ในเรื่อง) เล่นกันทุกวัน และแน่นอนว่า นี่ก็เป็นพื้นที่ที่คลิปโดปยาของเรนะถูกปล่อยออกไป และเกิดกระแสด้านลบในโลกโซเชียลมากมาย และเหตุการณ์ที่ครูฮิรากิจับเด็กมาขัง เป็นอีกหนึ่งกระแสที่ถูกพูดถึงใน Mind Voice อีกด้วย
แล้วคนร้ายตัวจริงคือใคร
สำหรับเรื่องนี้ต้องขอบอกเลยว่า มีผู้น่าสงสัยหลายคนมาก เป็นทั้งเพื่อน ทั้งอาจารย์ หรือแม้แต่ครูฮิรากิเอง ซึ่งบทเรียนที่ฮิรากิได้สอนเด็กๆ ในห้องปิดตายนั้นก็เริ่มทำให้ทุกคนเริ่มเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น และเริ่มเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของครูฮิรากิไปเรื่อยๆ ซึ่งในละครเรื่องนี้มี 10 ตอน ต้องบอกเลยว่าบทพลิกแทบทุกตอนค่ะ!
และมีเสยหน้าอีกทีในตอนท้าย ที่ทำให้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่ละครกำลังนำเสนอ รวมถึงสาเหตุที่ครูฮิรากิก่อเหตุอาชญากรรมนี้ขึ้น จริงๆ แล้ว มันคือละครที่จะสะท้อนปัญหาสังคมเรื่อง Cyberbully รวมถึงการกลั่นแกล้งกันในสังคมเด็กนักเรียนญี่ปุ่นด้วย แน่นอนว่า มีคนร้ายสร้างคลิปปลอมขึ้นมาเพื่อจะทำร้ายเรนะ แต่ผู้ร้ายตัวจริงที่ทำลายอนาคตชีวิตของคนคนหนึ่งก็คือ คำพูดของคนที่ไม่รู้จักในโลกไซเบอร์
ในขณะที่หลายคนกำลังสนุกกับเรื่องราวดราม่าของชีวิตคนหนึ่ง และพิมพ์สาดใส่กันอย่างสนุกสนาน แต่รู้หรือไม่ว่า มีใครบางคนกำลังเจ็บปวด ตัวแทบแตกสลาย จนไม่อาจรับความรู้สึกเหล่านั้นไว้ได้ และนำไปสู่โศกนาฎกกรรมขึ้น และความน่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ทุกคนไม่ได้รู้สึกว่า นี่คือความผิด ไม่สัมผัสได้ว่า Cyberbully เป็นภัยที่ร้ายแรงขนาดไหน

“ความรุนแรงในคำพูดของคุณ ได้ทำร้ายจิตใจเธอ”
“อย่าระบายความเครียดของคุณ โดยการกรีดแทงหัวใจคนอื่น”
ละครเรื่องนี้ได้พลิกไปพลิกมา จนคนดูอย่างเราเองก็เปลี่ยนความคิดไปหลายตลบเช่นกัน มันทำให้เห็นว่า ถ้าเราตัดสินจากสิ่งที่คนอื่นพูด สิ่งที่เห็นโดยไม่ตรวจสอบให้แน่ใจ ก็อาจทำให้เกิดเรื่องที่เลวร้ายขึ้น การวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อาจเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะบางครั้งทุกคำพูดที่อยู่ในนั้น ก็กลายเป็นอาวุธดั่งมีดคมที่อาบไปด้วยเจตนาร้าย ทิ่มแทงจิตใจคนบริสุทธิ์ จนเขาไม่อาจทนต่อพิษบาดแผลนั้นได้เลย
ความน่าสนใจของเรื่องที่อยากบอกต่อ
1. เปิดเรื่องได้น่าติดตามตั้งแต่ตอนแรก อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมครูฮิรากิถึงเอาเด็กๆ มาขังในห้องเรียน พร้อมมีอาวุธครบมือ ทั้งระเบิด ปืน เหมือนจะหมายเอาชีวิตของใครสักคน ทั้งๆ ที่อยากจะมาหาความจริงของเด็กนักเรียนที่ฆ่าตัวตาย แต่ทำไมต้องทำกับเด็กที่มีชีวิตอยู่เช่นกัน เป็นอะไรที่ต้องติดตามไปจนจบเรื่องจริงๆ
2. ปัญหาของเรื่องมันมาจาก “คลิปปลอม” ซึ่งตัวละครฮิรากิก็ใช้วิธีการให้ทุกคนได้เห็นภัยร้ายของคลิปแบบนี้ได้อย่างแนบเนียนมาก
3. ในแต่ละวัน ฮิรากิจะมาพร้อมกับบทเรียนชีวิต ซึ่งก็เป็นการเผยปมชีวิตเด็กแต่ละคน และได้สั่งสอนให้เด็กคนนั้นได้เติบโตขึ้นด้วยวิธีของเขา
4. ทำให้เข้าใจความรู้สึกของคนฆ่าตัวตายมากขึ้นค่ะ เราอาจจะมีคำถามในหัวว่า ทำไมต้องทำร้ายตัวเองแบบนั้น ไม่รักตัวเองเหรอ ซึ่งในเรื่องก็พยายามอธิบายถึงประเด็นนี้ค่ะว่า สิ่งที่น้องเรนะเจอมันร้ายแรงมาก ต้องมาเจอกับคำพูดต่อว่าต่างๆ นานาในโลกโซเชียลทุกวันๆ เหมือนโดนมีดแทงซ้ำทีเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ภาพหลอนค่ะ
อยู่ดีๆ เธอก็รู้สึกไปเองว่ามีคนกำลังตะโกนต่อว่าเธออยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วตรงนั้นไม่มีใคร และพอยิ่งเห็นคนกดมือถือยิกๆ มันก็ไปจี้จุดให้เธอคิดว่า “ฉันกำลังจะโดนใครสักคนต่อว่าอีกแล้ว” มันเป็นความรู้สึกที่หนักเกินไปที่เด็กคนหนึ่งจะรับได้ ที่น่าใจหายกว่านั้นคือ น้องเรนะรู้ดีว่า สิ่งที่เธอเจอมันก็แค่ข่าวลวง คลิปปลอม ยังมีเพื่อนที่เข้าใจ มีครอบครัวที่รัก แต่พลังของโลกไซเบอร์มันรุนแรงจนกว่าจะรับได้ไหว เหมือนชีวิตที่ไม่มีทางออก ไม่รู้ว่าจะยืนอยู่ตรงจุดไหนในสังคมได้อีก

“ฉันเห็นทุกคนเป็นศัตรู ฉันเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ ดังนั้นไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่ทำแบบนี้ ตัวฉันต้องแตกสลายแน่ๆ”
5. ฉากที่ครูฮิรากิไลฟ์สดกับผู้ใช้ Mind Voice ในเรื่องได้ทำเป็นฉากที่ครูฮิรากิพูดต่อหน้ากล้องค่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนว่า นี่เป็น Message ที่สื่อให้คนตระหนักถึงปัญหา Cyberbully ที่ไม่ได้แค่พูดกับคนใช้ Mind Voice ในเรื่อง แต่รวมถึงทุกคนที่ดูละครเรื่องนี้ด้วยว่า หากสิ่งที่ละครเรื่องนี้ได้นำเสนอไป แล้วเข้าไปถึงใจใครต่อหลายคนได้ ก็น่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้บ้าง
นี่ก็คือเรื่องราวของละครเรื่อง ที่ได้สะท้อนปัญหาการกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะเรื่อง Cyberbully ได้อย่างแนบเนียน น่าติดตาม และทรงพลังมากๆ ในเรื่องได้พูดถึงการค้นหาความจริงถึงสาเหตุการจากไปของเด็กนักเรียนคนหนึ่ง แต่ยิ่งดูก็ยิ่งสัมผัสได้ว่า มันมีอะไรที่มากกว่านั้น มันอาจเป็นปัญหาระดับชาติ ที่ต้องรับการเข้าไปแก้ไขโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดเหยื่อแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก็จริงอยู่ว่า คนเราควรมีจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่ควรทุกข์ทนไปกับคำพูดที่ไม่จริง แต่ถ้ามันมากเกินไป มันก็ทำให้เกิดบาดแผลที่เกินจะรับไหวได้เช่นกัน
การดูแลสภาพจิตใจตัวเองให้เข้มแข็งก็เป็นสิ่งที่ควรทำ
แต่การไม่ทำร้ายจิตใจซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องที่น่าทำกว่า
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่น ที่ปลุกไฟในตัวคุณ ให้อยากลุกขึ้นมาทำงานทุกวัน
– เรื่องรักลึกลับของดาราญี่ปุ่นที่ขุดไม่ได้ง่ายๆ
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่นที่กำลังฮอตฮิตในช่วงซัมเมอร์นี้
– รีวิว Kakegurui โรงเรียนการพนันกลับมาอีกครั้ง กับความบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม
– Leah Dizon กับการกลับมาอีกครั้งในรอบ 11 ปี
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
– asianwiki.com
– www.akira-blog.com
– mantan-web.jp
– bean5spilled.wordpress.com
– akkinews.net
#ละครญี่ปุ่น 3 Nen A gumi