Extremely Inappropriate! ซีรีส์ข้ามเวลาโชวะสู่เรวะ เรียนรู้ชีวิตจากคนต่างรุ่น
อีกหนึ่งซีรีส์ญี่ปุ่นแนวข้ามเวลา ที่มีพล็อตน่าติดตามค่ะ นั่นก็คือเรื่อง Extremely Inappropriate!
ซีรีส์ญี่ปุ่นที่ภาพโปสเตอร์ธรรมดา แต่พอดูเรื่อยๆ แล้ว กลับพบว่าเป็นซีรีส์ที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง ที่ชวนให้เราอยากติดตามต่อตลอดเวลา ถ้าคนคนหนึ่งได้มีโอกาสเดินทางมายังอนาคต และรู้เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ในอีกหลายสิบปีข้างหน้า เขาจะจัดการชีวิตตัวเองและคนรอบข้างต่อไปอย่างไร วันนี้เลยขอมารีวิวซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องนี้กันค่ะว่า จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ตามมาอ่านกันได้เลย
Extremely Inappropriate! เมื่อเดินทางข้ามเวลาจากโชวะสู่เรวะ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1986 หรือยุคโชวะที่ 61 “อิจิโร่ โองาวะ” ครูสอนพละและพ่อเลี้ยงเดี่ยว เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องทำงานหาเงิน และเลี้ยงลูกสาวที่ชื่อว่า “จุนโกะ” ที่เปรียบเสมือนหัวแก้วหัวแหวนของเขา
และในแต่ละวันโองาวะมักจะคิดกังวลถึงแต่เรื่องลูกสาว กลัวว่าเธอจะไปเล่น “จ้ำจี้” กับชายหนุ่ม หรือไปทำพฤติกรรมต้องห้ามอะไรบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้น สาเหตุที่เขาเป็นห่วงขนาดนั้น ก็เพราะรักลูกสาวคนนี้เอามากๆ
ชีวิตของเขาก็ดำเนินไปแบบปกติธรรมดาเรื่อยมา แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตก็ถึงจุดพลิกผัน เมื่อเข้าก้าวขึ้นสู่รถบัสคันหนึ่ง เขาพบเจอผู้คนที่แต่งตัวแปลกๆ ลักษณะท่าทางการพูดต่างไปจากเดิม และพอลงรถบัสคันนั้น เขาก็รู้ตัวว่า นี่ไม่ใช่ยุคโชวะที่เขาคุ้นเคย แต่เป็นโลกในปี 2024 และเขาก็ได้เจอกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งก็คือ “นิงาสะ อินุชิม่า” (รับบทโดย ริสะ นากะ) ที่เขารู้สึกถูกชะตาทันทียามแรกพบ หรือนี่จะเป็นรักครั้งใหม่ของเขา!?
และในขณะเดียวกัน ในโลกยุคฝั่งโชวะ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดทำนองนี้เช่นกัน “ซากาเอะ ซากิซากะ” (รับบทโดย โย โยชิดะ) สาวนักสังคมวิทยา ลูกหนึ่ง ผู้ยืดหยัดในแนวคิด Feminist ได้ก้าวข้ามเวลาจากโลกยุค 2024 มายังปี 1896 เช่นกัน เบื้องลึกเบื้องหลังของเหตุการณ์เหล่านี้คืออะไร ทำไมโองาวะ และซากาเอะถึงเดินทางข้ามเวลาได้ แล้วพวกเขาจะจัดการชีวิตตัวเองต่อไปอย่างไร ต้องติดตามชมในซีรีส์เรื่องนี้กันค่ะ
สิ่งที่น่าสนใจ
1. พล็อตข้ามเวลาที่ชวนให้อยากรู้เรื่องราวต่อ แบบไม่งงไทม์มิ่ง
พล็อตหลักที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ชวนน่าติดตามก็คือ เรื่องราวการข้ามเวลาค่ะ โดยในเรื่องนี้เรื่องราวเริ่มต้นจากว่า “โองาวะ” ครูสอนพละยุค 1986 หรือยุคโชวะ ได้ข้ามเวลามายังยุคเรวะ หรือปี 2024 มาได้แบบงงๆ แล้วสิ่งนี้ก็ทำให้เขาพบเจอเรื่องราวอันน่าประหลาดใจหลายอย่าง และยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังมีคนจากยุค 2024 ข้ามมายังยุคโชวะอีกเดียว มันชวนให้คนดูอย่างเราสงสัยทันทีเลยว่า เรื่องราวพวกนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และสิ่งที่ชวนให้อยากติดตามต่อก็คือ ผู้คนในเรื่องราวค่ะ ที่แต่ละคนต่างมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอยู่ แต่ด้วยยุคสมัยที่ต่างกัน ทำให้คนดูอย่างเราต้องปะติดปะต่อกันเอาเองว่าใครเป็นใคร เกี่ยวข้องกันอย่างไร และก็น่าคิดต่อค่ะว่า คนที่อยู่ต่างยุค อย่างคนในยุคโชวะ ต้องมาอยู่ยุคเรวะ เขาจะต้องปรับตัวอย่างไร ถ้ามาเห็นคนใกล้ตัวเราในยุคอนาคต จะรู้สึกแบบไหน แม้จะดูอลวนกันสักหน่อย แต่เรื่องเล่าออกมาได้อย่างดี ในแบบที่เราไม่งงแต่อย่างใด
2. ทำความเข้าใจเรื่องราวคนต่างวัย พร้อมมุมคิดชีวิตแบบลึกซึ้ง
พล็อตข้ามเวลายังเป็นสิ่งที่ช่วยขยี้มุมมองชีวิตรวมถึงแนวคิดทางสังคมได้อย่างลึกซึ้งอีกด้วยค่ะ ได้เห็นถึงความแตกต่างของยุคสมัยที่ชัดเจนว่า โลกและผู้คนได้เปลี่ยนแปลงกันไปมากขนาดไหน รวมถึงการให้ความสำคัญกับ “ปัจจุบัน” แม้ซีรีส์จะเล่ากลับไปกลับมาระหว่างอดีตและอนาคต แต่สิ่งนี้กลับให้เราอยากใช้ชีวิตอย่างเต็มที่กับปัจจุบันมายิ่งขึ้น หรือเรื่องราวชวนคิดของคนแต่ละวัย ที่สะท้อนออกมาได้อย่างดีค่ะ เช่น มุมการทำงานที่ต่างกัน ที่พอได้มาคุยกัน ก็ได้มุมคิดที่น่าสนใจยิ่งกว่าเดิม หรือประเด็นความแตกต่างของวัยว่า ทำไมคนอายุเยอะถึงชอบย้อนคุยเรื่องในวันวาน ในขณะที่คนรุ่นใหม่อาจไม่ได้เล่าย้อนอะไรขนาดนั้น ชวนให้เราเข้าใจคนต่างวัยได้อย่างมากขึ้น รวมถึงเรื่องราวการคุกคามทางเพศต่างๆ หรือค่านิยมต่างๆ ทางสังคม ที่เมื่ออดีตอาจไม่ใช่เรื่องต้องห้าม แต่ในปัจจุบันมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ที่พอดูๆ แล้วก็ได้มุมคิดที่น่าสนใจทีเดียวเลยค่ะ และชวนให้เราขบคิดกับตัวเองว่า บางทีการเปลี่ยนแปลง และความดั้งเดิมมันก็ล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่ว่าเราจะเอามาปรับใช้กับชีวิตยังไงให้เหมาะสมมากที่สุด
3. มี Musical แบบสีสันให้กับซีรีส์
นับว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ของซีรีส์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ ไม่ใช่ว่าเราจะเห็น Musical ในละครทีวีญี่ปุ่น ถ้าเราพูดถึง Musical เราอาจจะนึกถึงพวกละครเวที แต่เป็นละครทีวีนึกไม่ออกจริงๆ เลยว่าจะออกมาเป็นยังไง แต่พอได้ดูแล้วรู้สึกว่าเพลินเกินขาด เนื้อเพลงช่วยขยี้แนวคิดในเรื่องให้ลึกซึ้งขึ้น และนักแสดงแต่ละคนก็เล่นใหญ่จัดเต็ม ที่สำคัญเสียงเพราะกันทุกคนเลยค่ะ
4. ดูแล้วได้พลังอยากเปลี่ยนชีวิตและสังคมรอบข้างให้ดีกว่าเดิม
ซีรีส์เรื่องนี้เดินเรื่องโดยตัวละครเอก “โองาวะ” ที่เราอาจจะรู้สึกในช่วงแรกๆ ว่า เป็นตัวละครที่ไม่ค่อยเอาไหน และชอบทำตัวห่ามๆ อยู่เสมอ แต่ก็พอจะเข้าใจได้ด้วยความที่มาจากต่างยุคต่างสมัย แนวคิด คำพูด การกระทำ อาจต่างไปบ้าง แต่พอเรื่องได้ดำเนินไปเรื่อยๆ เราก็จะได้เห็นพัฒนาการของตัวละคร ที่เขาเองก็เริ่มมีการปรับตัว รับฟังคนรุ่นใหม่ และใช้จุดแข็งของตัวเองในการเข้าไปช่วยเหลือคนในยุคสมัยเรวะ ให้ก้ามข้ามปัญหาต่างๆ ไปได้ ซึ่ง “โองาวะ” ก็เปลี่ยนเสมือนคนแบบ Extremely Inappropriate ที่อาจทำให้เรารู้สึกตะขิดตะขวงใจไปบ้าง แต่ในยุคสมัยที่วุ่นวายแบบนี้ ก็อาจจะยังต้องการคนแบบนี้เพื่อให้สังคมดีกว่าเดิม พอดูแล้วก็รู้สึกว่า ตัวตนเราเองก็คงไม่ต่างกับโองาวะ เป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่า จะช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมไม่ได้
นี่ก็คือเรื่องราวของ Extremely Inappropriate! ซีรีส์ญี่ปุ่นแนวข้ามเวลา ที่ชวนให้เรามาขบคิดเรื่องราวเกี่ยวกับสังคมและชีวิตกันอย่างลึกซึ้ง ใครที่สนใจเรื่องนี้สามารถรับชมได้ทาง Netflix เลยค่ะ
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องแนะนำ :
– รีวิว Konkatsu 1000 Bon Knock ภารกิจสละโสดฉบับกุ๊กกู๋
– The Parades เรื่องราวชีวิตหลังความตาย ที่ชวนให้เราอยากมีชีวิตต่อไป
– House of Ninjas ซีรีส์แอ็กชันสไตล์ญี่ปุ่น เรียบเรื่อยแต่งดงาม รวมหลายอารมณ์ในเรื่องเดียว
– รวมซีรีส์ญี่ปุ่น ที่ดูแล้วพัฒนาตัวเอง พร้อมสร้างแรงบันดาลใจ ปี 2023
– รวมซีรีส์ญี่ปุ่นและหนังญี่ปุ่น เปลี่ยนชีวิตวุ่นวายให้ช้าลง เหมือนได้ชาร์จพลัง
ขอขอบคุณรูปภาพจาก
– ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Extremely Inappropriate!
– https://today.line.me/tw/v2/article/MLpEp8a
– https://today.line.me/tw/v2/article/MLpEp8a
– https://japan-programcatalog.com/en/program/extremelyinappropriate
– https://www.cloverblossomsblog.com/2024/01/review-dorama-futekisetsu.html
#Extremely Inappropriate! ซีรีส์ข้ามเวลาโชวะสู่เรวะ เรียนรู้ชีวิตจากคนต่างรุ่น