เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2012 ที่ผ่านมา อนิเมชั่นญี่ปุ่นเรื่อง The Wolf Children ที่มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า おおかみこどもの雨と雪 (Okami Kodomo no Ame to Yuki) ก็ได้เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ในเครือ APEX แล้ว โดยได้ชื่อแบบไทยๆ ว่า “คู่จี๊ด ชีวิตอัศจรรย์”
หลายๆ คนรอคอยที่จะชมหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้กันอยู่ เพราะดูจากภาพยนตร์ตัวอย่างแล้ว..มันน่าดูมากๆ ทีมงาน marumura ก็เช่นเดียวกัน เราจึงได้รีบไปชมและนำความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้มาบอกต่อทันที
ก่อนอื่นก็ต้องบอกก่อนว่า Wolf Children นั้นเป็นเรื่องราวของครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง คุณพ่อเป็นลูกครึ่งมนุษย์หมาป่า คุณแม่เป็นมนุษย์ และแน่นอนว่าคุณลูกๆ ทั้งสอง ก็ย่อมเป็นลูกครึ่งมนุษย์หมาป่าด้วย …เมื่อมีลูกมนุษย์หมาป่า เรื่องราวก็เลยดูน่ารัก เพราะความป่วนที่เกิดจากพวกเขานั่นเอง โดยเฉพาะเจ้าคนพี่นี่..แสบใช่เล่น ฮะ ฮะ
อย่างแรกเลยที่ติดตาตรึงใจเป็นอย่างมากกับหนังเรื่อง Wolf Children ก็คือภาพธรรมชาติ เพราะเรื่องราวนั้นเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่า ซึ่งก็ต้องมีฉากธรรมชาติใช่มั้ยล่ะ ภาพนั้นดูสวย สมจริง นวลตามาก สายลมพัดอ่อนๆ เป็นอย่างไง หิมะหนานุ่มน่าจะให้ความรู้สึกอย่างไง ลำธารใสๆ ที่ดูน่าสดชื่น ฉากที่เป็นธรรมชาติในอนิเมชั่นเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างกับเราเข้าไป อยู่ในบรรยากาศเหล่านั้นด้วยเลย อันนี้ประทับใจมาก
หนังเรื่องนี้ ถือว่าอิงความเป็นธรรมชาติแบบญี่ปุ่นไว้เยอะทีเดียว ตลอดทั้งเรื่องก็มีการสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับฤดูกาลที่เด่นชัดของญี่ปุ่น เอาไว้ด้วย ก็ขนาดชื่อตัวละคร ยังตั้งชื่อตามธรรมชาติรอบตัวเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นคุณดอกไม้ (ฮานะ, Hana) น้องหิมะ (ยูกิ, Yuki) แล้วก็น้องฝน (อาเมะ, Ame)
ส่วนเรื่องราวของ Wolf Children นั้น ทราบว่าเขียนขึ้นโดยตัวผู้กำกับเอง (Mamoro Hosoda) ถ่ายทอดเรื่องราวได้หลากหลายไม่น่าเบื่อ มีทั้งความรักของหนุ่มสาว ความรักของแม่กับลูก ความน่ารักสดใสและเรื่องราวของเด็กๆ ญี่ปุ่น ความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันของคนกรุงกับคนชนบท การที่มนุษย์ก็สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ โห.. อีกหลายสิ่งเลยแหล่ะ แต่ที่ขาดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงและน่าจะถือว่าเป็นไฮไลท์ของหนังเรื่องนี้ก็ คือ “การเลือก” มีเรื่องที่ต้องตัดสินใจ “เลือก” มากมายในหนังเรื่องนี้ ที่สำคัญสุดๆ ก็คือการเลือกของลูกๆ มนุษย์หมาป่านั่นเอง
*มาโมรุ โฮโซดะ (Mamoru Hosoda) ถ้า ใครเป็นแฟนของผู้กำกับอนิเมชั่นญี่ปุ่นคนนี้ ก็คงจะได้ติดตามผลงานดีๆ ของเขากันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น Our War Game, The Girl Who Leapt Through Time แล้วก็ Summer Wars และอนิเมชั่นเรื่องใหม่ของเขาที่เพิ่งปล่อยออกมาที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือน กรกฎาคม 2012 เรื่อง The Wolf Children ก็เดินทางมาถึงเมืองไทย ให้แฟนๆ อนิเมชั่นญี่ปุ่นได้ติดตามกันแล้ว
ส่วนตัวแล้วคิดว่าหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่หนังอนิเมชั่นน่ารักๆ ดูสบายๆ เบาสมอง แต่ Wolf Children น่าจะเรียกได้ว่าเป็น “หนังชีวิต” เลยทีเดียว มีสาระสำคัญมากมาย ซึ่งหลายๆ เรื่องก็อยากจะบอกว่าผู้ปกครองชาวไทยทั้งหลายควรให้คำแนะนำ เพราะ วัฒนธรรมบางอย่างของคนไทยกับคนญี่ปุ่นก็ไม่เหมือนกัน การตัดสินใจหลายๆ อย่างในหนังเรื่องนี้ที่กระทำโดยวัยรุ่นหรือเด็กๆ บางทีผู้ปกครองที่พาเด็กๆ ไปดูหนังก็คงต้องให้เหตุผลด้วย ตัวอย่างเช่น เวลาเจ้าลูกมนุษย์หมาป่าจอมแสบอยากได้อะไร ก็อาละวาด ทำลายข้าวของ นี่.. ก็ควรให้คำแนะนำ (ถ้าไม่อยากเดือดร้อนภายหลัง อิ อิ) ก็ในเรื่อง Wolf Children นี่ พอเจ้าหนูยูกิอยากได้อะไร อาละวาด แล้วก็ “มักจะ” ได้นะสิ ^^! (อันนี้เป็นตัวอย่างแบบเบาๆ นะ)
ตัวอย่างภาพยนตร์อนิเมชั่น Wolf Children คู่จี๊ด ชีวิตอัศจรรย์
แอบสารภาพนิดนึงว่าดูอนิเมชั่นญี่ปุ่นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับหนังอนิเมชั่นของค่าย Studio Ghibli (Wolf Children นั้นเป็นของ Studio Chizu ของผู้กำกับมาโมรุ ที่ถูกเปรียบเทียบกับค่าย Ghibli อยู่บ่อยครั้ง) คือ.. แอบสังเกตว่าบางฉากใน Wolf Children ก็ดูคล้ายๆ กับอนิเมชั่นของ Studio Ghibli ด้วยแฮะ อย่างฉากที่ครอบครัวมนุษย์หมาป่าย้ายบ้านไปอยู่ชนบทนี่ โห.. เจ้าหมาป่าน้อยยูกิวิ่งแสดงความดีใจ แบบสุดๆ ไปรอบบ้านเลย คุ้นๆ ว่าฉากนี้ Totoro ของ Ghibli ก็มี เอ.. หรือว่าเป็นวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นเวลาย้ายบ้านก็ไม่รู้ ว่าเมื่อย้ายบ้านเด็กๆ จะต้องแสดงอาการดีใจแบบนี้ ฮะ ฮะ
เอาเป็นว่า Wolf Children โดยรวมแล้ว ดูสนุก…ได้สาระ เป็นอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่ไม่ได้เพียงแต่มีภาพธรรมชาติสวยงามสมจริง หรือตัวละครดูน่ารักเท่านั้น เรื่องราวก็ค่อนข้างเข้มข้น น่าติดตาม สามารถนั่งดูเพลินๆ ได้ตลอดทั้งเรื่อง (เกือบสองชั่วโมงเลยนะ) แล้วผู้ชมจะสัมผัสกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นได้ตลอดเวลาด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องธรรมชาติ วัฒนธรรม และการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เรื่องขำๆ ดูคลายเครียด มันเป็นหนังมีสาระมากมายเลยทีเดียวนะ
แวะไปดูกันได้แล้ว.. ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ APEX เท่านั้น ซึ่งปกติก็สามารถดูได้ที่โรงภาพยนตร์ SCALA (บัตรแค่ 100 เดียวเอง) แต่ถ้าเป็นวันที่ 9 – 10 พฤศจิกายน 2012 นี้ ที่ SCALA มีงาน เขาจึงไม่ฉายภาพยนตร์.. ถ้าอยากชม Wolf Children ใน 2 วันนี้ ก็ไปกันได้ที่ Lido โรง 2 เช็ครอบภาพยนตร์ได้ที่>> http://www.apexsiam-square.com/
ดูหนังให้สนุกกันนะจ้ะ<3
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– Hanamizuki รักแท้ ที่มี “ระยะทาง” และ “เวลา” เป็นเครื่องพิสูจน์
– รีวิวภาพยนตร์ญี่ปุ่น I Wish (Kiseki 奇跡)
– 10 อันดับผลงานของ Hayao Miyazaki & Studio Ghibli ที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ
– รีวิวภาพยนตร์ญี่ปุ่น Jiro Dreams of Sushi
– รีวิวภาพยนตร์ญี่ปุ่น Love Letter
ขอบคุณข้อมูล :
www.ookamikodomo.jp
www.apexsiam-square.com
#the wolf children